วันนี้ (24 มิถุนายน) ที่อาคารรัฐสภา นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ยื่นหนังสือต่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้เร่งบรรจุร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ เข้าสู่สภาโดยเร็ว โดยมี คัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับหนังสือ
นันทนากล่าวว่า ต้องการให้ประธานสภารีบบรรจุร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ที่ถูกยับยั้งครบ 180 วันมาแล้ว โดยด่วน เมื่อเปิดสมัยประชุมสภา ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคมเป็นต้นไป เพื่อให้สภาได้ลงมติ และเมื่อร่างดังกล่าวผ่านการพิจารณา ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็จะนำไปจัดทำระเบียบข้อบังคับ ประกอบ พ.ร.บ. เพื่อเริ่มต้นจัดทำประชามติโดยเร็ว และเริ่มต้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“เพราะต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มีช่องโหว่จำนวนมาก ดังนั้น ทางอนุกรรมาธิการจึงขอเชิญชวน สว.ที่มีความอิสระ ไม่ยึดโยงกับพรรคการเมืองใด และ สส.ที่หาเสียงไว้ในการเลือกตั้งในปี 2566 ว่าจะทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มาร่วมกันจัดทำฉบับใหม่ เพื่อให้ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย สร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้น และเมื่อนั้นประเทศไทยจะหลุดจากวิกฤตทางการเมืองที่มีอยู่ตอนนี้” นันทนากล่าว
สำหรับปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาลในขณะนี้ นันทนาเชื่อว่า จะเป็นโอกาสในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะวิกฤตที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ามาจากรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี กติกาบิดเบี้ยวที่กำหนดให้ สว. ที่ไม่ได้มาจากประชาชนแต่ได้มาเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย กลายเป็นว่าเสียงของประชาชนไม่มีความหมาย
“หรือแม้แต่การได้มาซึ่ง สว.ที่มาเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ ที่เปิดช่องให้มีการฮั้วกันเข้ามาอย่างมโหฬาร คือวิกฤตที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญโดยแท้ และประชาชนคงได้เห็นว่ารัฐธรรมนูญคือสิ่งที่ต้องแก้ไข และปัญหาทั้งหมดต้องปลดล็อกด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ และเป็นสัญญาณที่ทางรองโฆษกพรรคเพื่อไทยก็ออกมาบอกว่าเวลาที่เหลือของรัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญ หมายความว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่วิกฤต” นันทนากล่าว
นันทนาชี้ว่า ดังนั้น การแก้รัฐธรรมนูญใหม่คือทางออกทางเดียว และหวังว่าในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีของวาระสภา จะได้รับการร่วมแรงร่วมใจจาก สส. และ สว. ในการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นไปได้ดีที่สุดสามารถทำให้ทันปี 2570 และทำให้ประเทศไทยออกจากวิกฤตและได้รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา
ส่วนกังวลหรือไม่หากมีการยุบสภาก่อนวาระจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถเดินต่อไปได้ นันทนาระบุว่า เรื่องยุบสภาไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน ถ้ารัฐบาลทำดี ประชาชนจะเลือกรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคกลับเข้ามา แต่ถ้ารัฐบาลไม่ดี ประชาชนก็จะเลือกพรรคฝ่ายค้านเข้ามา แม้กติกาจะยังไม่แก้ แต่ประชาชนก็ได้มาแสดงเจตจำนง เมื่อประชาชนเลือกใครเข้ามา ฝ่ายนั้นจะต้องเป็นผู้ริเริ่มการแก้รัฐธรรมนูญให้สิ้นสุดให้ได้
“หากต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดิม การเลือก สส. ไม่น่ามีปัญหา แต่การเลือก สว. มีปัญหาแน่นอน หากต้องใช้กติกาเดิม เพราะอาจจะฮั้วมากกว่าเดิม” นันทนากล่าว
