จากวิกฤตโควิดทำให้หลายคนมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น ซึ่งเวลาในยามว่างเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ถูกใช้ไปกับการนอนดูซีรีส์อย่างสบายใจ แต่ในขณะเดียวกัน ตลาดผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงกลับแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อแย่งชิงเวลาการชมของผู้ชมอย่างเราๆ
ข้อมูลจาก WeTV ซึ่งมีเบื้องหลังเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แดนมังกรอย่าง Tencent ระบุว่า วันนี้มีจำนวนผู้ชมแบบรับชมโฆษณา (Advertising Video On Demand: AVOD) หรือแบบไม่ได้จ่ายเงินสมัครสมาชิกเป็นอันดับ 1 ในไทย
ในขณะที่จำนวนผู้ชมแบบจ่ายเงินสมัครสมาชิก (Subscription Video On Demand: SVOD) แม้ไม่ขอเปิดเผยจำนวนอย่างเป็นทางการ แต่ก็ย้ำว่ามีตัวเลขเป็นอันดับ 2 ในไทย ซึ่งจำนวนผู้ใช้แบบสมัครสมาชิกมีสัดส่วนเป็น 25% ของผู้ใช้ WeTV ทั้งหมด
ที่น่าสนใจคือ กนกพร ปรัชญาเศรษฐ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการขาย และผู้จัดการ WeTV ประเทศไทย เผยว่า มีผู้ชมมากถึง 26% ที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงต่างๆ หรือแบบ Over-the-top (OTT)
ในช่วง 6 เดือนแรก WeTV มียอดผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) เฉลี่ยสูงถึง 13 ล้านคน ขณะที่ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคมของปี 2021 WeTV มียอดผู้ใช้งานต่อวัน (DAU) เพิ่มขึ้นถึง 63% จากปี 2020 ซึ่งกนกพรตั้งเป้าว่าจะมี DAU เติบโตเพิ่มเป็น 100% ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
ปัจจุบันผู้ชม WeTV ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 70% และมีอายุเฉลี่ย 18-24 ปี เป็นสัดส่วน 29% และ 25-34 ปี เป็นสัดส่วน 26% โดยสัดส่วนของคอนเทนต์ส่วนใหญ่เป็นคอนเทนต์จีน 50% ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่มีการรับชมเติบโตมากที่สุด โดยเติบโตสูงถึง 137% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคอนเทนต์อื่นที่เติบโตไม่แพ้กันเลยคือ คอนเทนต์ไทยเติบโต 40% และคอนเทนต์อนิเมะเติบโตถึง 93% รวมทั้ง WeTV ยังมีคอนเทนต์รวมกว่า 800 คอนเทนต์ หรือคิดเป็นจำนวนนาทีรวมกว่า 1 ล้านนาที
“เราพบว่าพฤติกรรมผู้ชมชาวไทยของ WeTV ส่วนใหญ่มีการรับชมคอนเทนต์จีนเป็นหลัก ซึ่งมีจำนวนการรับชมคอนเทนต์จีนสูงกว่าประเทศอื่นๆ อย่างประเทศหลักของ WeTV อีกประเทศ คือมาเลเซีย ที่มีการรับชมโลคัลคอนเทนต์เป็นส่วนใหญ่” โดยกนกพรระบุว่า จะเดินหน้ารักษาตำแหน่งผู้นำด้านบริการวิดีโอสตรีมมิงในไทยไว้ให้ได้ในปี 2021-2023 ภายใต้กลยุทธ์ ‘3X’ ที่ประกอบไปด้วย
- Expansion ขยายคอนเทนต์ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มคอนเทนต์จากหลากหลายประเทศ และเพิ่มหมวดหมู่คอนเทนต์อย่างการถ่ายทอดสดกีฬาปกติ หรือ E-Sports เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มพันธมิตรที่แข็งแกร่งในด้านหลายๆด้าน
- Extra Experience หรือการสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า เช่น ฟีเจอร์ Flying Comment ที่เปิดให้ผู้ชมสามารถแสดงความคิดเห็นระหว่างดูหนังได้ โดยฟีเจอร์นี้โตกว่า 3 เท่า และมีจำนวนคอมเมนต์ถึงกว่า 1.5 ล้านคอนเมนต์ต่อเดือน โดยสิ่งที่ WeTV พบคือ ผู้ชมหลายๆ คนดูหนัง/ซีรีส์ เรื่องเดิมซ้ำถึง 2 รอบ โดยรอบแรกจะรับชมที่เนื้อหาหนัง และรอบ 2 จะรับชมไปพร้อมกับอ่านคอมเมนต์ นอกฟีเจอร์ดังกล่าว WeTV จะสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ชมในด้านอื่นๆ อีก เช่น การจัดแฟนมีตติ้งกับนักแสดง เป็นต้น
- Exclusivity โดยจะมีการทำคอนเทนต์ที่ฉายเฉพาะ WeTV นอกจากการผลิตเองแล้ว ยังร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นช่องทีวีต่างๆ เพื่อนำละครที่เป็นกระแสมาฉายย้อนหลังใน WeTV แบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วย
สิ่งที่ต้องจับตาคือ แม่ทัพของ WeTV ประกาศเป้าหมายว่า “WeTV มั่นใจจะสามารถบรรลุเป้าหมายเติบโตในไทย 3 เท่า พร้อมขึ้นเป็นผู้นำแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2023”
เป้าหมายดังกล่าวมาจากการเห็นโอกาสในภาพรวมตลาดวิดีโอสตรีมมิง หรือ OTT ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 180 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนการเข้าถึง 31% โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 57% ของผู้ใช้งาน OTT ใช้เวลาไปกับการรับชมคอนเทนต์วิดีโอสตรีมมิงมากขึ้น
จุดนี้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของ WeTV ทั่วโลก โดยมี MAU มากกว่า 45 ล้านราย (เดือนมกราคม-สิงหาคม 2564) และมียอดชมวิดีโอมากกว่า 25 ล้านวิวต่อวัน
นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งานแบบสมัครสมาชิกของ WeTV ยังเติบโตขึ้นมากกว่า 150% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยตลาดสำคัญจะอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำโดยไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนาม
แน่นอนว่าเป้าหมายดังกล่าวของ WeTV คือการเข้าไปยืนแทนที่ Viu ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงสัญชาติสิงคโปร์ ที่เพิ่งเปิดเผยข้อมูลออกมาก่อนหน้านี้ว่าแซงรุ่นพี่อย่าง Netflix ขึ้นเป็นอันดับ 2 และเป็นรองเพียง Disney+ ได้ในปีนี้ โดย Viu นั้นได้ประกาศเดินหน้าเบียด Disney+ เพื่อเป็นที่ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ดังนั้น ต้องติดตามกันต่อไปว่ากลยุทธ์ 3X ของ WeTV จะเพียงพอให้ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP