ซีรีส์ Vincenzo กำลังไต่ระดับเรตติ้งขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมๆ กับความนิยมที่เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ ด้วยพล็อตเรื่องแปลกใหม่เกี่ยวกับ วินเชนโซ กาซาโน ทนายมาเฟียที่ไปเติบโตอยู่ในประเทศอิตาลี ก่อนจะเดินทางกลับมาแผ่นดินแม่ที่เกาหลีใต้
การแสดงของซงจุงกิในเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่หลังจากซีรีส์ Arthdal Chronicles เมื่อสองปีก่อน ทั้งยังรวมทีมกับ ชอนยอบิน นักแสดงหญิงที่กำลังมาแรงในปีนี้ ร่วมด้วย อ๊กแทคยอน ที่ระเบิดพลังการแสดงที่ปกปิดตัวตนอันโหดร้ายเอาไว้ใต้ฉากหน้าที่ใสซื่อ
นอกเหนือจากเรื่องราวการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมที่กำลังดำเนินไป เราพบว่าซีรีส์ Vincenzo เต็มไปด้วยบทเรียนที่น่าสนใจ สามารถหยิบจับไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และนี่คือส่วนหนึ่งของบทเรียนที่สรุปมาได้จากครึ่งแรกของซีรีส์
ถอดบทเรียนการทำงานของทนายมาเฟีย จากซีรีส์ Vincenzo
1. มองหาจุดอ่อนของคู่แข่ง และจุดแข็งในตัวเอง
ว่ากันว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” วินเชนโซ กาซาโน อาจไม่ได้ถือคตินี้ แต่เขารู้ว่าถ้าต้องการเอาชนะ ต้องรู้จักศัตรูในทุกแง่มุม โดยเฉพาะจุดอ่อนที่มีอยู่ในคนทุกคน
จุดอ่อนมีอยู่เสมอ เพียงแต่ต้องคอยมองหา วินเชนโซใช้จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามมาเป็นแต้มต่อของตัวเอง อย่างเช่น ฉากที่อธิบดีอัยการผู้ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับใครๆ แต่กลับมีจุดอ่อนที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน จนในที่สุดก็ยอมร่วมมือกับวินเชนโซ แลกกับการให้ลูกชายได้ไปเตะฟุตบอลในลีกยุโรป หรือการที่ไปสืบจนรู้ว่าหัวหน้าทีมบาเบลคอนสตรัคชันที่เป็นคนคุมการรื้อถอนคึมกาพลาซ่า แอบไปมีความสัมพันธ์ลับๆ ทั้งที่มีภรรยาอยู่แล้ว วินเชนโซก็ใช้จุดอ่อนนี้เป็นแต้มต่อในการให้หัวหน้าทีมช่วยยื้อเวลาการรื้อถอนออกไปก่อน เป็นต้น
ส่วนจุดแข็งของตัววินเชนโซ คือความสามารถในการเจรจาต่อรอง รวมถึงคอนเน็กชันที่ครอบคลุมหลากหลายสาขาอาชีพ เหล่านี้เมื่อรวมกับการนำจุดอ่อนมาเป็นเงื่อนไขเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขาต้องการ จึงนำมาซึ่งความสำเร็จ
2. ช่างสังเกต เพราะอาจมีทางออกของปัญหาซ่อนอยู่ในรายละเอียด
นิสัยอย่างหนึ่งที่วินเชนโซมีและดีต่อการงานของเขา คือความใส่ใจในรายละเอียด เราได้เห็นว่าเขาทำการบ้านกับแผนการ ใส่ใจกระทั่งรายละเอียดเล็กน้อย และในบางครั้ง ความเป็นคนช่างสังเกตและละเอียดก็ทำให้เขาเจอทางออกของปัญหาได้ด้วย
ฉากที่เขาค้นพบว่ามีเครื่องดักฟังในกระถางต้นงาช้างที่อัยการชเมยองฮีนำมามอบให้ฮงชายอง ซึ่งเป็นของขวัญสำหรับการเปิดสำนักงานทนายความฟางข้าวขึ้นมาใหม่ ก็มาจากความช่างสังเกตว่า ต้นงาช้างไม่ต้องการรดน้ำบ่อยๆ ซึ่งเหมาะกับการฝังเครื่องดักฟังเอาไว้
หรือฉากที่เขาเดินไปรอบๆ ห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง จนสุดท้ายก็มองเห็นร่องรอยเล็กๆ ที่เป็นเบาะแสนำไปสู่ช่องลับซ่อนเงินสกปรกนั้นเอาไว้ เป็นต้น
3. มีแผนสำรองในการทำงานเสมอ
ระหว่างที่ดูซีรีส์ Vincenzo เรามักจะได้ยินคำถามนี้เกิดขึ้นในสำนักงานทนายความฟางข้าวอยู่เสมอ “แผนสำรองคืออะไร?” วินเชนโซ ฮงชายง และทีม มักจะวางแผนการทำงานโดยมีแผนสำรอง 1 2 3 4 เอาไว้ ตามความยากง่ายของแผนการที่จะเกิดขึ้น
ซึ่งการวางแผนสำรองแบบครบทุกสเตปคงต้องยกตัวอย่าง ฉากที่มีการพิจารณาคดีในศาล และทางฝั่งวินเชนโซต้องการให้การพิจารณาคดีในวันนั้นเป็นโมฆะ พวกเขาวางแผนเอาไว้หลายขั้นตอน ไล่เรียงตั้งแต่การรวมตัวชาวบ้านมาประท้วงด้านหน้าศาล การดับไฟในห้องพิจารณาคดี ปล่อยน้ำให้รั่วจนพื้นห้องเปียกนองเป็นหย่อมๆ แผนการให้ฮงชายองแสดงอาการป่วยจนหมดสติ และเมื่อทุกแผนที่วางไว้ไม่อาจทำให้การพิจารณาคดียกเลิกได้ ก็มาถึงแผนทีเด็ดที่ปล่อยแตนยักษ์เข้ามาสร้างความปั่นป่วนในห้องพิจารณาคดี ผู้คนวิ่งหนีอลหม่าน จนท้ายที่สุดก็ต้องมีการเลื่อนวันพิจารณาคดีออกไปจริงๆ
ซึ่งจากฉากนี้เอง ที่ประธานบาเบลตัวจริงถึงกับออกปากว่า “ครีเอทีฟมากๆ” และในอีกหลายตอนต่อมา เราก็ได้เห็นตัวทนายชเวมยองฮีของบาเบล ก็นำเอาแท็กติกคิดสร้างสรรค์ไปใช้บ้าง
4. บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ
ซีรีส์ Vincenzo เปิดเรื่องมาด้วยงานระเบิดภูเขา เผาไร่องุ่น หลังการเสียชีวิตของพ่อบุญธรรมวินเชนโซ ที่ประเทศอิตาลี จนเกิดวลีประจำตัวเขาที่ว่า “ผมมาทวงคืน ไม่ได้มาต่อรอง” สิ่งที่เขาทำก็คือการทำตามความต้องการของพ่อที่สั่งเสียไว้ก่อนจากไป
เช่นเดียวกับการเผาโรงงานยาของบาเบลเภสัชกรรม หลังจากที่พ่อของทนายฮงชายงโดนรถชนจนเสียชีวิต ส่วนตัวเขาเองก็อยู่ในอาการโคม่าหลายวัน การชำระแค้นของวินเชนโซด้วยการเผาโรงงานยา ก็คือการทำลายธุรกิจเลวร้ายให้วอดวาย เป็นการเอาคืนที่สมน้ำสมเนื้อ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
และแม้จะเป็นมาเฟีย แต่วินเชนโซก็มีคติในการทำงานว่า จะไม่คร่าชีวิตเด็กและผู้หญิง คนที่เขาจะกำจัดทิ้งล้วนเป็นคนในแวดวงมาเฟียด้วยกันเท่านั้น
5. คิดต่างอย่างสร้างสรรค์
มองหาทางเลือกใหม่ที่คนอื่นอาจนึกไม่ถึงอยู่เสมอ ในกรณีนี้วินเชนโซทำให้เราได้เห็นความคิดสร้างสรรค์อยู่ในหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่การวางแผนซ่อนทองคำเอาไว้ในห้องลับใต้อาคารคึมกาพลาซ่า สถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีทองมูลค่ามหาศาลซ่อนเอาไว้
หรือการวางแผนเพื่อให้อาคารไม่โดนรื้อถอน ด้วยการจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ เชิญแขกวีไอพีคนสำคัญมาร่วมงานจนกลายเป็น Talk of the town จนทีมรื้อถอนไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงในคืนนั้น นอกจากนี้ยังมีการตลบกลับ ในตอนที่ทีมทนายความฟางข้าวเข้าตาจน จากการที่หาพยานลับในชั้นศาลไม่ได้ วินเชนโซก็วางแผนให้ตัวเขาเองเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อที่จะได้เป็นพยานสำคัญในการพิจารณาคดี
6. ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้
วินเชนโซมักจะพลิกสถานการณ์ให้เขากลับมาอยู่เหนือคู่ต่อสู้ ด้วยการยื่นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งบทเรียนการทำงานในข้อนี้ ไม่ต่างกับในหนังสือ The Godfather ที่ ดอน วีโต คอร์เลโอเน ตัวเอกของเรื่องมักจะโน้มน้าวผู้อื่นด้วยข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้
ตัวอย่างที่ชัดเจน คือกรณีของแพทย์หญิง ภรรยาของนายแพทย์ที่ร่วมกับบาเบลในการปิดบังผลการตรวจร่างกาย และผลวินิจฉัยนักวิจัยที่ป่วยจนเสียชีวิตต่างๆ จากการทำงานในห้องแล็บของเภสัชกรรมบาเบล วินเชนโซยื่นข้อเสนอที่ตรงกับใจของแพทย์หญิงคนนี้ ทั้งการช่วยฟ้องหย่าให้ และยังจะเรียกร้องเอาทรัพย์สินของฝ่ายสามีมาให้เธออีกด้วย จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะปฏิเสธไม่ร่วมมือ
ซีรีส์ Vincenzo ในมุมหนึ่งอาจเป็นการเล่าเรื่องราวที่ดูไปสนุกไป สะใจไป แต่ภายใต้เปลือกที่หุ้มเอาไว้ ล้วนมีแง่คิดและมุมมองที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างน้อยๆ ก็การแต่งตัวของวินเชนโซในทุกลุคที่ปรากฏ ก็ชวนให้น่าติดตามถึงความเป็นคนละเอียดกับการใช้ชีวิต ทั้งเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูดี ดูมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้าง กระทั่งว่าไปผูกมิตรกับศัตรูก็ทำได้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
- ติดตามรายการดูซีรีส์ให้ซีเรียส ที่วิเคราะห์ลงลึกในซีรีส์ Vincenzo ได้ที่นี่