อ่านแนวคิดของ ‘หมอพีท-นพ.พงษ์ธีระ เศรษฐ์ธนาวรากุล’ ผู้ก่อตั้ง ‘Vincent Clinic’ คลินิกความงามที่ต้องการเติบโตเพื่อเติมเต็มแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลัง [Advertorial]

ไม่ต้องแปลกใจหากคุณพบคีย์เวิร์ด ‘เสริมจมูก’, ‘แก้จมูก’, ‘เทคนิคพิเศษ SSTP’ หรือ ‘ผู้นำด้านการทำจมูก’ ตามติดมากับชื่อ ‘Vincent Clinic’ นี่ไม่ใช่พลังของการทำ SEO แต่เกิดจากผลลัพธ์จริงของผู้ใช้บริการ

ด้วยระยะเวลาเพียง 4 ปี กับ 9 สาขา ‘Vincent Clinic’ สร้างยอดขายหลักร้อยล้านท่ามกลางการแข่งขันแสนดุเดือดในธุรกิจความงามได้อย่างไร และต้องไม่ลืมว่ามีช่วงรอยต่อที่ธุรกิจความงามทั่วประเทศต้องสะดุดเนื่องจากวิกฤตโควิด-19

หมอพีท-นพ.พงษ์ธีระ เศรษฐ์ธนาวรากุล ผู้ก่อตั้ง Vincent Clinic

THE STANDRAD คุยกับ หมอพีท-นพ.พงษ์ธีระ เศรษฐ์ธนาวรากุล (สกุลเดิม ปิตะบูรณ์) ผู้ก่อตั้ง Vincent Clinic ถึงจุดเริ่มต้นของการทำคลินิก จึงเข้าใจเหตุผลที่ว่าหมอพีทมีเป้าหมายอื่นที่ใหญ่กว่าการสร้างผลกำไรในธุรกิจ

“ผมเป็นคนร้อยเอ็ด อาศัยอยู่กับแม่ ยาย และตาที่ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีก เพราะคุณพ่อเสียตั้งแต่ผม 3 ขวบ อาชีพหลักของที่บ้านคือทำนา เดิมคุณแม่ทำงานเป็นลูกจ้างธนาคาร แต่มีปัญหาในที่ทำงาน ต้องออกมาทำกับข้าวขายที่ตลาด กำไรหลักร้อยต่อวัน ตั้งแต่เด็กผมต้องเรียนหนังสือไปด้วย ช่วยที่บ้านทำนาไปด้วย ระหว่างเรียนหมอวันหยุดยังต้องกลับบ้านไปช่วยแม่ทำกับข้าวไปขาย คงเพราะเห็นแม่และยายต้องลำบากทำงานมาตลอด จึงเป็นแรงฮึดให้เราต้องตั้งใจเรียนมากกว่าคนอื่น เพื่อที่เราจะได้มีงานที่ดี เพราะเราอยากพาทุกคนออกจากจุดที่ลำบากให้ได้ ตอนนั้นเห็นเพื่อนที่เป็นลูกหมอมีชีวิตที่ดี ผมก็คิดว่าถ้าเราเป็นหมอได้ก็คงทำให้ครอบครัวสบายได้ แต่เราเรียนไม่เก่งเลยยิ่งต้องขยันมากกว่าคนอื่นหลายเท่า อ่านหนังสือโต้รุ่งทุกวันเป็นปี สุดท้ายก็สอบติดแพทย์ และได้ทุนการศึกษาจากมูลนิธิชิน โสภณพาณิชย์ จนจบ

“ถึงจะเรียนจบและได้ทำงานเป็นหมอ ภาพที่เคยวาดฝันว่าจบมาแล้วจะทำให้ครอบครัวสุขสบายไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะต่อให้ผมควบเวรติดต่อกัน รายได้ก็ไม่เพียงพอที่จะให้แม่หยุดทำงาน เพราะเรายังมีภาระหนี้สิน นั่นเป็นจุดที่ผมรู้สึกว่าเราต้องเติบโตกว่านี้ และการเปิดคลินิกคือคำตอบ ณ เวลานั้น

“ตลอดการทำงานในคลินิกเสริมความงามก็ค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์การผ่าตัดหลายพันเคส รวมทั้งศึกษาระบบการบริหารงานคลินิกทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง สังเกตและซักถามคนไข้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ เพราะการทำคลินิกไม่เหมือนกับการเป็นแพทย์ บางทีเราเป็นแพทย์ที่ดีก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเป็นเจ้าของคลินิกที่ประสบความสำเร็จ เพราะใช้ทักษะคนละส่วนกัน

“ช่วงนั้นธุรกิจความงามในบ้านเรากำลังเติบโต ผมชั่งน้ำหนักระหว่างกรุงเทพฯ กับภาคตะวันออก โลเคชันไหนดีที่เราจะเริ่มต้นได้ พอศึกษาไปเรื่อยๆ ก็พบว่าลูกค้าที่มาใช้บริการคลินิกที่พัทยาส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ EEC (ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก) ซึ่งเป็นกลุ่ม Niche (กลุ่มเฉพาะ) มากๆ แต่มีกำลังซื้อสูงเพราะเศรษฐกิจในย่านนั้นเติบโตมากจากการที่รัฐบาลสนับสนุน เลยตัดสินใจเปิดสาขาแรกที่เครือสหพัฒน์ แหลมฉบัง จากนั้นก็ขยาย 3 สาขา ภายใน 6 เดือนในพื้นที่เดียวกัน และขยายเพิ่มอีก 2 สาขาในพื้นที่ EEC อีก 2 ปีถัดมา เราเป็นเจ้าแรกที่จับกลุ่ม Niche Market นี้จนประสบความสำเร็จ กลุ่มเป้าหมายของเราคือคนทำงานในพื้นที่และผู้ประกอบการธุรกิจในบริเวณใกล้เคียง”

เคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ Vincent Clinic เติบโตอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี เห็นจะเป็นวิสัยทัศน์ของหมอพีทที่มองเห็นกลุ่มเป้าหมายของคลินิกชัดเจน และยังเป็นคลินิกความงามเจ้าแรกที่ทำตลาดกับกลุ่ม Niche Market ในพื้นที่ EEC ซึ่งยังไม่มีคลินิกความงามไหนเข้ามาทำการตลาดจริงจัง

ปัจจุบัน Vincent Clinic มีทั้งหมด 9 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ EEC ของภาคตะวันออก 5 สาขา และขยายบริการไปยังภาคอีสาน 3 สาขา และล่าสุดบุกตลาดกรุงเทพฯ เปิดสาขาที่ BTS อโศก เป็นปีที่ 2 แล้ว

สาขาอโศก

สาขาโคราช

ความปลอดภัย คุณภาพ และความสม่ำเสมอ

“สิ่งที่เรายึดถือตั้งแต่วันแรกที่เปิดคลินิกเลยมีอยู่ 3 เรื่องสำคัญ คือเรื่องของความปลอดภัย คุณภาพ และความสม่ำเสมอ แน่นอนว่าเราเป็นสถานพยาบาล เรื่องความปลอดภัยสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องคุณภาพก็เป็นสิ่งที่เรายึดถือมาตลอด ต้องเลือกใช้สิ่งที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดในตลาดให้กับคนไข้ของเรา การันตีคุณภาพด้วยรางวัลคลินิกที่ใช้ซิลิโคนอเมริกา MantisK มากที่สุดในประเทศ และรางวัลคลินิกที่ใช้เนื้อเยื่อเทียมจากเกาหลี Supporix มากที่สุดในประเทศถึง 2 ปีซ้อน

“เรื่องความสม่ำเสมอยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Vincent Clinic เติบโตได้อย่างมั่นคง ทั้งความสม่ำเสมอเรื่องของผลลัพธ์ การทำงานของทีมแพทย์ทุกสาขา เพราะการเสริมความงามคืองานศิลปะที่แพทย์แต่ละท่านต้องรังสรรค์ขึ้นมา แต่พอศิลปะและเทคนิคที่แตกต่างกันจึงทำให้เกิดความไม่สม่ำเสมอในผลลัพธ์ สิ่งที่ Vincent Clinic จับจุดได้ก็คือ คนไข้ต้องการความมั่นใจ ไม่ว่าจะทำกับหมอคนไหนต้องได้มาตรฐานเดียวกัน เราจึงคิดค้น ‘เทคนิคพิเศษ SSTP’ เป็นเทคนิคที่ให้แพทย์ทุกท่านสามารถนำไปใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและได้มาตรฐาน แพทย์ทุกท่านและทุกสาขาจึงสามารถสร้างความสม่ำเสมอเรื่องของผลลัพธ์ได้”

หมอพีทเล่าต่อว่า นอกเหนือจากความสม่ำเสมอด้านผลลัพธ์ Vincent Clinic ยังให้ความสำคัญกับความสม่ำเสมอด้านการดูแลเคสที่มีผลลัพธ์ไม่ตรงกับความต้องการของคนไข้ “เราไม่อยากให้คนไข้กลุ่มนี้ถูกทอดทิ้ง เคสจมูกเอียง เบี้ยว ติดเชื้อ อันนี้เป็นเคสที่ต้องมีการรับประกันและรับผิดชอบอยู่แล้ว สิ่งที่เราพยายามทำเพิ่มเติมคือ ในเคสที่คนไข้รู้สึกว่าเขายังไม่ได้ผลลัพธ์ก็สามารถพูดคุยกับแพทย์ และหารือเพื่อทำการแก้ไขและดูแลจนกว่าคนไข้จะพึงพอใจ เพื่อให้เขาได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด”

ล้วงลึก ‘เทคนิคพิเศษ SSTP’ เบื้องหลังความงามเป็นธรรมชาติ และกุญแจสำคัญของการเติบโตในธุรกิจความงาม

อย่างที่เล่าไปข้างต้น Vincent Clinic ได้รับการกล่าวถึงด้าน ‘เทคนิคพิเศษ SSTP’ เสริมจมูกให้สวยได้รูปไม่ว่าจะรูปจมูกแบบไหน โดยเน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ หมอพีทอธิบายให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า เทคนิคพิเศษ SSTP เป็นเทคนิคทำจมูกที่คิดค้นจากประสบการณ์กว่า 10,000 เคสของตัวหมอเอง สามารถเสริมจมูกให้โด่งสวยได้แม้เนื้อจมูกจะน้อย โดยที่ยังคงความปลอดภัย ไม่ตึง ไม่ฝืนเนื้อ และตอบโจทย์ปัญหาจมูกของคนไทยได้เกือบทุกเคส

“จุดเด่นของเทคนิคพิเศษ SSTP คือจะช่วยปรับฐานจมูกให้ดูเรียวและเสริมจมูกให้โด่งสวย ผลลัพธ์คือได้จมูกทรงสโลป ดูเป็นธรรมชาติ สวยละมุน แม้แต่คนเนื้อจมูกน้อยก็ทำได้ โดยเราให้ความสำคัญกับ 4 เรื่อง ได้แก่ ‘พื้นที่’ เทคนิคนี้ทำให้เราสามารถสร้างพื้นที่ในเนื้อจมูกได้มากกว่า จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่เนื้อจมูกน้อยถึงทำได้ เรื่องต่อมาคือ ‘วอลุ่ม’ เมื่อเราสร้างพื้นที่ในเนื้อจมูกมากขึ้น ทำให้จมูกโด่งสวยได้มากขึ้น ต่อมาคือ ‘ปลายจมูก’ จมูกที่สวยคือจมูกที่มีปลายสวย เทคนิคนี้จะช่วยให้ปลายจมูกพุ่งกว่าปกติและยังปลอดภัย สุดท้ายคือ ‘การเย็บแผลหลังผ่าตัด’ นี่เป็นเทคนิคที่ช่วยให้แผลหายเร็วและบวมช้ำน้อย”

นอกจากความเชี่ยวชาญด้านการเสริมจมูก Vincent Clinic ยังมีบริการอื่นๆ ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ เช่น ทำตาสองชั้น, ปากกระจับ, ทำคาง, ปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม รวมถึงบริการด้านผิวพรรณและเลเซอร์ต่างๆ ด้วยการประเมินคนไข้เคสต่อเคสก่อนให้บริการ เพราะ Vincent Clinic เชื่อว่า การสร้างสรรค์ความงามคืองานศิลปะ “เราจะไม่เปลี่ยนเขาเป็นคนอื่น แต่จะเปลี่ยนให้เขาเป็นเขาที่ดูดีขึ้น” หมอพีทกล่าว

สาขาอโศก

สาขาโคราช

กลยุทธ์สร้างการเติบโตท่ามกลางการแข่งขันและวิกฤต

หมอพีทเล่าให้ฟังถึงช่วงที่ธุรกิจกำลังเติบโตได้ดีและกำลังวางแผนขยายสาขาต่อเนื่อง ต้องมาสะดุดกับวิกฤตโควิด-19 “โชคดีที่องค์กรของเรายัง Lean มากๆ เรามีแพทย์ที่มีความสามารถสูง สามารถทำการรักษาได้ครอบคลุม และเราก็มีเทคนิคพิเศษ SSTP ที่ทำให้การรักษาของเราได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมออย่างที่เล่าไป รวมถึงพนักงานที่มีความสามารถหลากหลาย ทำงานได้หลายอย่าง ทำให้เราผ่านช่วงวิกฤตมาได้โดยที่ไม่ส่งผลกระทบเรื่องต้นทุนมากนัก พอกระทบน้อยก็ฟื้นตัวได้เร็ว เมื่อทุกอย่างเริ่มกลับสู่สถานการณ์ปกติ เราตัดสินใจลงทุนเพิ่ม วางระบบหลังบ้านใหม่ เปิดรับคนเก่งๆ ทั้งคนที่เคยมีประสบการณ์รวมถึงคนรุ่นใหม่ไฟแรงมาร่วมเติบโตไปกับเรา

“จะเรียกว่าเป็นจังหวะที่ดีก็ใช่ เพราะตอนนั้นธุรกิจเราเปิดมาได้ประมาณ 3 ปี ถือว่ายังใหม่พอที่จะปรับภาพลักษณ์แบรนด์ได้โดยไม่มีกรอบเดิมมากั้น แต่ก็เป็นระยะเวลาที่นานพอจะมีฐานลูกค้าและประสบการณ์ให้สามารถเร่งสปีดการเติบโตได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

“โจทย์ที่ท้าทายตอนนั้นน่าจะเป็นเรื่องของดีมานด์ในตลาดธุรกิจความงามลดลงหลังสถานการณ์โควิด-19 จะทำอย่างไรให้ดีมานด์ที่เหลืออยู่เลือกเรา ต้องทำให้ Vincent Clinic เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาด ขณะเดียวกันตลาดความงามในต่างจังหวัดเริ่มโตช้า จึงปรับกลยุทธ์เน้นตลาดกรุงเทพฯ เป็นหลัก ลงทุนด้านการตลาดมากขึ้น และเรามีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการสร้างความสม่ำเสมอเรื่องผลลัพธ์และบริการ มีทีมแพทย์ที่ดี และเทคนิคพิเศษ SSTP ทำให้ภายใน 6 เดือน เราสามารถเติบโตนับจากวันแรกถึง 10 เท่า”

ผลักดันธุรกิจไดนามิกสูงด้วยองค์กรที่เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ไฟแรง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

“ส่วนตัวผมมองว่าธุรกิจความงามเป็นธุรกิจที่มีไดนามิกสูงและมีคู่แข่งเยอะ วันนี้คุณอาจทำคอนเท็นต์ที่ดี การตลาดที่ปังโดนใจลูกค้า เมื่อไรก็ตามที่มีคนทำได้ดีกว่าแล้วคุณปรับเปลี่ยนไม่ทันก็อาจจะหายไปจากวงการทันที สิ่งที่ผมพยายามทำเพื่อให้ Vincent Clinic เติบโตได้อย่างยั่งยืนคือ การนำพลังคนรุ่นใหม่ผลักดันองค์กรให้เติบโตและทันต่อทุกเทรนด์ความงาม ทันต่อสิ่งที่คนไข้ต้องการ เพราะว่าความงามและแฟชั่นเป็นเทรนด์ที่เปลี่ยนไว ศัลยกรรมความงามก็ขึ้น-ลงไม่ทิ้งห่างกันมาก ถ้าเราต้องการขับเคลื่อนธุรกิจความงามในตลาดที่ผันผวนสูง นอกจากความเชี่ยวชาญ ยังต้องให้ความสำคัญกับคนในองค์กรด้วย เพราะศักยภาพขององค์กรคือค่าเฉลี่ยของคนที่อยู่ในองค์กร ผมจึงต้องมีทีมงานไฟแรง ปรับตัวไว เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่แค่ทันกระแสแต่ต้องคิดเผื่อไปอีกขั้นได้อีกด้วย ทั้งทีมแพทย์คนรุ่นใหม่แต่มากประสบการณ์และทีมหลังบ้าน ทำให้เราเข้าใจเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ ตามกระแสทัน ปรับตัวเร็ว และรับฟังเสียงของคนไข้ว่าเขาต้องการอะไรและนำสิ่งนั้นมาปรับ พร้อมทั้งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไข้

“คนไข้ที่เดินเข้าคลินิกเสริมความงาม ส่วนหนึ่งเพราะเขาขาดความมั่นใจเลยทำให้เขาไม่มีความสุข แนวคิดของเราคือ ต้องมอบความสุขให้กับคนไข้ทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ แต่การที่คุณจะส่งต่อความสุขให้คนอื่นได้ คุณต้องมีความสุขก่อน แพทย์และบุคลากรของเราทุกคนนอกจากจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแล้วยังต้องมีทัศนคติที่ดี พร้อมที่จะส่งต่อความสุขนั้นไปยังคนไข้ของเราทุกคน”

เป้าหมายใหญ่ที่มองไกลกว่ากำไร แต่คือการส่งต่อแรงบันดาลใจดีๆ คืนกลับสู่สังคม

มากไปกว่าเทคนิคที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาให้บริการคนไข้ ตอนนี้ Vincent Clinic กำลังขยายคลินิกสาขา BTS อโศกให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม กินพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร บนตึก Exchange Tower “ผมมั่นใจว่าตรงนี้เป็นทำเลที่ดี อยู่ในพื้นที่ CBD ตรงกลุ่มเป้าหมายทั้งไทยและต่างชาติ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าทั้ง 2 แพลตฟอร์ม พร้อมทั้งที่จอดรถมากมาย เราจึงเตรียมทีมแพทย์และทีมงานที่มีความสามารถทางด้านภาษาไว้รองรับส่วนนี้ การรีโนเวตครั้งนี้เราเตรียมขยายบริการให้มากขึ้น ในขณะที่บริการที่ดีอยู่แล้วเราก็จะทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เราต้องการให้คนไทยได้รับบริการด้านศัลยกรรมความงามที่มีมาตรฐาน ไม่ต้องบินไปต่างประเทศ

“กลยุทธ์ด้านการตลาดยังคงเน้นออนไลน์มาร์เก็ตติ้งซึ่งเป็นจุดแข็งของเราเอาไว้ และขยายไปที่ออฟไลน์มากขึ้น ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 1 พันล้านภายใน 2 ปี และสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมมาตรฐานสากล รวมไปถึงการพาธุรกิจเข้าสู่ตลาดทุนภายใน 5 ปี”

แต่ยังมีอีกหนึ่งเป้าหมายที่ยังคงเดินเคียงข้างมาตลอดเส้นทางการทำธุรกิจของหมอพีท นั่นคือการตอบแทนสังคม “เพราะผมเคยลำบากมาก่อน และชุมชนที่เราจากมายังมีคนที่ลำบากอยู่มาก ดังนั้นตั้งแต่ปีแรกที่ผมเปิดคลินิก ผมก็กลับไปมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนเรียนดี จำนวน 120,000 บาท ให้กับโรงเรียนบ้านเหล่าจั่นหนองทุ่ม ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าสมัยประถม ก็มอบทุนต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปีแล้ว เพราะการศึกษาเคยพาผมขึ้นมาจากจุดนั้นได้ ก็ต้องพาคนอื่นขึ้นมาได้เช่นกัน ผมจึงอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ รวมถึงคนในชุมชน ผมเปิดรับน้องๆ ที่จบการศึกษาได้มีโอกาสทำงานที่คลินิกของเราด้วย เพื่อให้เขามีรายได้และกลับไปช่วยกันพัฒนาชุมชนที่เราเติบโตมาให้แข็งแกร่งขึ้น”