×

ตลาดหุ้นเวียดนามในยุคทรัมป์ โอกาสหรือความท้าทาย

13.11.2024
  • LOADING...
ตลาดหุ้นเวียดนาม

ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่ 47 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 นับเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตา เนื่องจากนโยบายของทรัมป์ที่อาจส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะด้านการค้าระหว่างประเทศ ที่มีแผนเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 10-20% สำหรับสินค้านำเข้าจากทั่วโลก และอาจเรียกเก็บสูงสุดถึง 60% กับสินค้าจากจีน คำถามที่ตามมาคือ ประเทศที่เศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกอย่างเวียดนามจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง และตลาดหุ้นเวียดนามในยุคทรัมป์จะเป็นไปในทิศทางใด

 

การขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์มีแนวโน้มกดดันต่อเศรษฐกิจเวียดนาม เนื่องจากสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกหลักของเวียดนาม โดยในปี 2023 เวียดนามมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สูงถึง 27% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 23% ในปี 2019 และ 19% ในปี 2024 อย่างมีนัยสำคัญ สำหรับผลกระทบต่อตลาดหุ้นเวียดนามนั้นมีความซับซ้อน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราจึงแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

 

 

ภาพ: KISV (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2024)

 

ระยะสั้น หรืออีก 3-6 เดือนข้างหน้า ตลาดหุ้นเวียดนามอาจเผชิญกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้น จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและ Sentiment เชิงลบจากสงครามการค้า อย่างไรก็ดี หากมาดูในไส้ของตลาดหุ้นเวียดนาม พบว่าหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์โดยตรงอย่างหุ้นกลุ่มส่งออก กลับมีสัดส่วนที่ไม่ได้มีนัยสำคัญ โดยมีน้ำหนักน้อยกว่า 5% ในดัชนี VN ดังนั้นเราจึงมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะมีผลกระทบที่จำกัดในระยะสั้น

 

ระยะกลาง หรืออีก 6-12 เดือนข้างหน้า ผลกระทบเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1. การกีดกันด้านการค้ามีความรุนแรง กล่าวคือ ทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าจีนเพิ่มเป็น 60% และเก็บ 10-20% สำหรับประเทศอื่นๆ ในกรณีนี้การค้าทั่วโลกอาจชะลอตัว ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจเวียดนาม รวมไปถึงกำไรของบริษัทจดทะเบียนเช่นกัน อย่างไรก็ดี เรามองว่ากรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าคือกรณีที่ 2 การที่ทรัมป์อาจเลือกใช้นโยบายภาษีนำเข้าเพียงบางประเทศ หรือสินค้าบางประเภทเท่านั้น ซึ่งจะเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับเวียดนาม จากแนวโน้มการโดนเก็บภาษีที่น้อยกว่าจีน 

 

ในระยะยาว 12 เดือนขึ้นไป จากการที่จีนครองส่วนแบ่งการผลิตทั่วโลกถึง 32% ในขณะที่เวียดนามมีส่วนแบ่งเพียง 2-3% ดังนั้นการกลับมาของทรัมป์จะสร้างความท้าทายต่อการค้าของจีนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้ประเทศอื่นๆ มีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการเป็นฐานการผลิตทางเลือก โดยเฉพาะเวียดนามที่มีแรงงานที่มีคุณภาพสูง
ค่าไฟฟ้าต่ำ และมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ ดังนั้นในระยะยาวจึงมีแนวโน้มที่บริษัทต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนามมากขึ้น 

 

ในแง่สถิติพบว่าตลาดหุ้นเวียดนามมักตอบสนองเชิงบวกต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยเวียดนามอยู่ในช่วงของการเลือกตั้งสหรัฐฯ มาแล้วกว่า 6 ครั้ง (นับตั้งแต่ตลาดหุ้นเวียดนามก่อตั้งเมื่อปี 2000) โดยจากสถิติในอดีตชี้ว่า ในช่วง 6 เดือนหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ดัชนี VN มีผลตอบแทนเป็นบวกถึง 5 ใน 6 ครั้ง โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5% (ไม่รวม Outlier ปี 2000 ซึ่งเป็นปีฐานเริ่มแรกของดัชนี VN) 

 

โดยสรุปการกลับมาของทรัมป์ครั้งนี้อาจทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามผันผวนได้บ้างในระยะสั้น แต่ผลกระทบมีแนวโน้มจำกัด ขณะที่ระยะกลาง-ยาว ผลกระทบสุทธิมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางบวก จากแนวโน้มการเร่งย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดหุ้นเวียดนาม ทั้งนี้ นักลงทุนอาจหลีกเลี่ยงความผันผวนจากการลงทุนหุ้นเวียดนามรายตัวด้วยการกระจายลงทุนผ่าน Depository Receipt (DR) หรือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผ่านตลาดหุ้นไทย โดยปัจจุบันมี DR ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงที่สะท้อนถึงตลาดหุ้นเวียดนามในภาพรวมอยู่ 2 ตัว ได้แก่ 1. E1VFVN3001 ที่อ้างอิงกับดัชนี VN30 (หุ้นชั้นนำ 30 ตัวของเวียดนาม) โดยเป็นการลงทุนที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นเวียดนาม 

เนื่องจากมูลค่าตลาดของหุ้นในดัชนี VN30 ครอบคลุมมากกว่า 70% ของภาพรวมตลาดหุ้นเวียดนาม และ 2. FUEVFVND01 ที่อ้างอิงกับดัชนี VN Diamond โดยเป็นดัชนีที่รวบรวมหุ้นเวียดนามชั้นนำที่มักติดข้อจำกัด FOL หรือนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนหุ้นรายตัวได้ยาก เช่น หุ้น FPT บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของเวียดนามในแง่มูลค่าตลาด ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ DR ได้ที่ bualuang.co.th/dr

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising