ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักออกมาคาดการณ์ว่าราคาเมล็ดกาแฟในตลาดโลกมีแนวโน้มแพงขึ้นอีก หลังหนึ่งในซัพพลายกาแฟที่สำคัญของโลกอย่างเวียดนาม เผชิญวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิดจนต้องล็อกดาวน์อีกระลอก
โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา The Wall Street Journal ได้เปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่า ราคาเมล็ดกาแฟโลกปรับตัวสูงขึ้นจนแพงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 หรือในรอบ 6 ปี เนื่องจากแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟโลกอย่างบราซิลได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่บวกกับภัยแล้ง ส่งผลให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เท่าที่ควร จนทำให้เมล็ดกาแฟตกอยู่ในภาวะขาดแคลน
ล่าสุด ภาวะขาดแคลนเมล็ดกาแฟของตลาดโลกทวีความรุนแรงไปอีกขึ้น เมื่อแหล่งผลิตกาแฟสายพันธุ์โรบัสตาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเวียดนาม ประกาศล็อกดาวน์เพราะโควิด ส่งผลต่อการส่งออกกาแฟ ทั้งกาแฟสำเร็จรูปและเมล็ดกาแฟไปยังตลาดต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากทางการจำเป็นต้องยกระดับมาตรการส่งออกให้เข้มงวดมากขึ้น ยังไม่นับรวมปัญหาวิกฤตขาดแคลนเรือขนส่งและค่าระวางเรือขนส่งที่พุ่งสูงขึ้น
สถานีโทรทัศน์ BBC รายงานว่า ราคาเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสตาในตลาดโลกขณะนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 50% แล้วนับตั้งแต่ต้นปี 2021 ที่ผ่านมา และหากสถานการณ์ล็อกดาวน์ยังไม่คลี่คลาย หลายฝ่ายเกรงว่าราคากาแฟมีสิทธิ์แพงขึ้นอีกจากระดับปัจจุบัน
สมาคมผู้ผลิตกาแฟ-โกโก้แห่งเวียดนาม พร้อมด้วยองค์กรการค้าอื่นๆ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเวียดนามผ่อนคลายกฎระเบียบส่งออกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขนส่งล่าช้าและต้นทุนค่าใช้ที่จะเพิ่มเข้ามาในภายหลัง ซึ่งรัฐมนตรีคมนาคมเวียดนามในเบื้องต้นได้ให้คำมั่นที่จะคลายระเบียบที่ไม่จำเป็นต่างๆ เพื่อลดภาระการขนส่งสินค้า ซึ่งหมายรวมถึงเมล็ดกาแฟด้วย
ข้ามฟากมาที่อุตสาหกรรมการบินในสหรัฐฯ หลังจากที่เพิ่งมีสัญญาณบวกจากการคลี่คลายของการระบาดของไวรัสโควิด ล่าสุด เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ NBC รายงานว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวทางอากาศต้องเผชิญกับปริมาณการเดินทางที่ลดลงอีกครั้งเพราะการระบาดระลอกใหม่ของสายพันธุ์เดลตา ทำให้ชาวอเมริกันต้องยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนแผนพักร้อนของตนเองในช่วงวันหยุดท้ายปี
โดยข้อมูลดัชนี Digital Economy Index ของ Adobe เปิดเผยว่า ยอดจองตั๋วเที่ยวบินออนไลน์ภายในประเทศช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ลดลงมาอยู่ที่ 5,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนมิถุนายนก่อนหน้า และลดลง 16% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2019
ขณะที่จำนวนยอดจองในช่วงเดือนสิงหาคมกลับลดลงในอัตราที่เร็วมากว่าเดิม คือเฉพาะช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมนี้ ระหว่างวันที่ 1-21 สิงหาคม ยอดจองลดลงมาอยู่ที่ 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2019
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันค่อนข้างวิตกกับสถานการณ์การระบาดของเดลตา และหากอัตราการเดินทางยังคงลดลงลากยาวต่อไป ก็อาจจะกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการใช้จ่ายและการเดินทางท่องเที่ยว
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/business-58380797
- https://www.nbcnews.com/business/travel/air-travel-sees-sharp-decline-delta-variant-continues-derail-vacation-n1278008
เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหาร ‘ต้องดู’ ก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022
📌 เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌 ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทย–โลก
📌 เทรนด์ผู้บริโภค–การตลาด
📌 เคสจริงจากผู้บริหาร
ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce
#TheSecretSauceStrategyForum2022