เวียดนามภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Pham Minh Chinh กำลังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีโลกอย่างเต็มกำลัง โดยล่าสุดได้ส่งสัญญาณ ‘เชิญชวน’ ไปยังบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia, Meta และ Google ให้เข้ามาลงทุนและ ‘ร่วมกำหนด’ นโยบายของประเทศ
การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในระหว่างการประชุม AI-Semiconductor Conference ครั้งแรกของเวียดนาม ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันในกรุงฮานอย และดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมากมาย
เวียดนามกำลัง ‘เดิมพัน’ กับประชากรหนุ่มสาวที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แรงงานที่มีค่าแรงค่อนข้างต่ำ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ทำเลที่ตั้งใกล้กับจีน และเม็ดเงินลงทุน ‘มหาศาล’ จากบริษัทเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกอย่าง Samsung
“เราจะรับประกันว่าธุรกิจของคุณจะเติบโตเร็วขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายกรัฐมนตรี Chinh กล่าวกับผู้เข้าร่วมประชุม “เราจะรับประกันว่าคุณจะมีผลกำไรที่สูงขึ้น”
ในการกล่าวสุนทรพจน์ นายกรัฐมนตรี Chinh สัญญาว่าจะมีการปฏิรูปและอำนวยความสะดวกในการลงทุนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเชิญชวนบริษัทและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศให้คำแนะนำแก่รัฐบาล และ ‘อัดฉีด’ เงินทุนและเงินกู้เพิ่มเติม “เราไม่สามารถเดินคนเดียวได้ เราต้องร่วมมือ ทำงานร่วมกัน และแบ่งปันกับพันธมิตรเช่นคุณ” เขากล่าว
นอกจากนี้ เขายังขอให้บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกเปิดโอกาสให้ชาวเวียดนามได้เข้าร่วมในระดับบริหารที่สูงขึ้น และให้บริษัทเวียดนามสามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลกได้
ปัจจุบันเวียดนามเป็นศูนย์กลางการผลิตให้กับบริษัทต่างๆ เช่น Samsung แต่ส่วนใหญ่เป็นการประกอบขั้นพื้นฐาน โดยเทคโนโลยีที่ ‘ล้ำสมัย’ ที่สุดยังคงถูกเก็บไว้ในประเทศอื่น
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา บริษัทต่างๆ กำลังหันไปลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำกว่านอกประเทศจีน และเวียดนามกำลังพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งใน ‘ผู้ได้รับประโยชน์’ หลัก
“เรากำลังลงทุนในเวียดนาม เพราะเราเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของรัฐบาลเวียดนาม” Michael Kagan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Nvidia กล่าวในการประชุม
Kagan กล่าวว่า Nvidia ได้ ‘จัดตั้ง’ สำนักงานในฮานอยเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและสนับสนุนประเทศในการพัฒนาระบบนิเวศ AI เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Nvidia กล่าวว่าจะจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูลในเวียดนาม หลังจากที่ผู้ก่อตั้ง Jensen Huang ได้ดื่มเบียร์และรับประทานอาหารริมทางกับนายกรัฐมนตรี Chinh ในกรุงฮานอย
หนึ่งในปัญหาหลักในการพัฒนา AI และเซมิคอนดักเตอร์คือ ‘บุคลากร’ เวียดนามตระหนักดีว่าไม่สามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาหรือจีน ซึ่งมีการลงทุน ‘มหาศาล’ และเทคโนโลยีที่ ‘ก้าวหน้า’ ไปมากได้
ดังนั้นเวียดนามจำเป็นต้องหาสาขาเฉพาะทางที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาคนรุ่นใหม่ของประเทศ ซึ่งมีพื้นฐานดีในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แทนที่จะพยายามแข่งขันโดยตรงกับประเทศใหญ่อย่างสหรัฐฯหรือจีน
“เวียดนามมีคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถพิเศษที่น่าสนใจ” Truong Gia Binh ประธานบริษัทเทคโนโลยี FPT ของเวียดนามกล่าว “พวกเขามีความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นสูง ซึ่งหาได้ยากในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว”
นายกรัฐมนตรี Chinh กล่าวว่า เวียดนามจะฝึกอบรมบุคลากร 100,000 คนในเทคโนโลยี AI และเซมิคอนดักเตอร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และประเทศจะ ‘ยกเลิก’ ขั้นตอนการบริหาร 30% ที่ ‘ขัดขวาง’ การลงทุนและการเติบโต
Christopher Nguyen ผู้ก่อตั้ง Aitomatic บริษัทจาก Silicon Valley ซึ่งเป็นผู้จัดงาน กล่าวว่า นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญมากสำหรับเวียดนาม เขาเปรียบเทียบว่าเป็น “โอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวในรอบ 4,000 ปี” ที่เวียดนามจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
“แม้จะยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน แต่ผมคิดว่าความตั้งใจ ความเต็มใจ และแม้กระทั่งความกระตือรือร้นที่จะก้าวไปข้างหน้านั้นมีอยู่แล้วในผู้นำเวียดนาม ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เราจะได้เห็นผลลัพธ์ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า”
อ้างอิง:
- https://asia.nikkei.com/Business/Technology/Vietnam-PM-urges-tech-giants-Nvidia-Meta-and-Google-to-invest
- https://dtinews.dantri.com.vn/business/vietnam-aims-for-a-key-role-in-global-semiconductor-and-ai-20250314173115415.htm
- https://vietnamlawmagazine.vn/intl-confab-affirms-vietnams-role-in-global-ai-semiconductor-sectors-73722.html