รายงานสำนักงานสถิติแห่งประเทศ เวียดนาม เผยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 6.93% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และโตมากกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ที่ 5.66% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ทะลุเป้าหมายของไตรมาสล่าสุดที่วางไว้ 6%
ปัจจัยหลักของการเติบโตมาจากการฟื้นตัวทางธุรกิจ ที่ส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น
ภาคส่วนธุรกิจที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคือ ฝั่งการผลิตที่โตได้อย่างแข็งแรง โดยข้อมูลสำนักงานฯ เผยว่า ผลผลิตเพิ่มขึ้น 8.67% ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว
นอกจากนี้เวียดนามยังสามารถรักษาระดับการเติบโตของภาคส่งออกได้ดีต่อเนื่องจนโต 12.5% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยมีสินค้าหลักอย่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอาหารทะเลที่เป็นตัวหลักของสินค้าส่งออก
แม้เวียดนามจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในตอนนี้และมีเป้าหมายที่จะโตให้ได้ในกรอบ 6-6.5% ในปี 2024 แต่ Paulo Medas นักวิเคราะห์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองว่า ความเสี่ยงขาลงตอนนี้มีสูง เพราะเวียดนามพึ่งพาภาคส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่หากสงครามการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจยกระดับความรุนแรงขึ้น เม็ดเงินจากการส่งออกที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศได้ก็มีแนวโน้มจะลดลง
ในฟากของการเป็นฐานการผลิตให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Samsung และ Foxconn เวียดนามเองก็มีข้อท้าทายในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ยังเผชิญกับระดับการลงทุนต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและความไม่เสถียรของแหล่งพลังงานไฟฟ้า ซึ่งความไม่เสถียรตรงนี้สร้างความปั่นป่วนในสายการผลิตกับหลายโรงงานเมื่อปีที่ผ่านมา ในจุดนี้รองนายกรัฐมนตรี Le Minh Khai กล่าวในงาน Nikkei’s Future of Asia Forum ว่า เขาตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งเพิ่มเงินลงทุน และปรับปรุงแหล่งพลังงานของประเทศให้เสถียรกว่าเดิม
อีกส่วนหนึ่งคือ โครงสร้างกฎหมายเพื่อลดอัตราคอร์รัปชันในประเทศ ซึ่งจุดนี้ Paulo Medas กล่าวว่า มันจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับเวียดนามในเรื่องความโปร่งใส การกำกับดูแลตลาด และทำให้ประเทศเป็นจุดหมายการลงทุนของบริษัทต่างชาติที่มีความเป็นมิตรกับธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาความล่าช้าของการตัดสินใจโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลสร้างความไม่มั่นใจในการลงทุนในสายตาชาวต่างชาติที่จะเข้ามาทำธุรกิจในประเทศ
ภาพ: Dilok Klaisataporn / Getty Images
อ้างอิง:
