ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม อนุมัติแผนงานด้านพลังงานมูลค่ามหาศาลที่ต้องการเงินทุนกว่า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหวังปลดล็อกแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศ G7 สำหรับการลงทุนในโครงสร้างและเครือข่ายด้านพลังงานแห่งใหม่ เพื่อมุ่งเป้าไปสู่ประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในช่วงกลางศตวรรษนี้
โดยแผนพลังงานนี้รู้จักกันในชื่อ ‘PDP8’ ซึ่งทางการเวียดนามหวังว่า แผนงานนี้จะมีส่วนช่วยประกันความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เวียดนามเริ่มเข้าสู่ภาวะการเปลี่ยนผ่านจากช่วงที่พึ่งพาพลังงานจากถ่านหินอย่างหนักหน่วงในปัจจุบันไปสู่ช่วงที่เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050
ท่ามกลางความขัดแย้งภายในประเทศและแผนปฏิรูปที่มีความซับซ้อน ทำให้แผนงานด้านพลังงานฉบับนี้เกิดความล่าช้าไปนานกว่า 2 ปี มีฉบับร่างออกมาหลายสิบฉบับ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะลงนามอนุมัติในท้ายที่สุด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับตรายางเห็นชอบจากรัฐสภาเวียดนามอีกครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
โดยแผนพลังงาน PDP8 จะมีส่วนสำคัญในการช่วยปลดล็อกแหล่งเงินลงทุนเบื้องต้นมูลค่า 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากบรรดากลุ่มประเทศ G7 รวมถึงบรรดาประเทศที่มั่งคั่งที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้กับทางการเวียดนามเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะมาจากภาครัฐครึ่งหนึ่งและภาคเอกชนอีกครึ่งหนึ่ง
ขณะที่ผู้แทนจากกลุ่มประเทศ G7 เผยว่า การอนุมัตินี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นในการปลดล็อกเงินทุนสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนของเวียดนาม โดยเฉพาะโครงการกังหันลมนอกชายฝั่ง
แต่อย่างไรก็ตาม แผนงานนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และยังไม่ใช่เป้าหมายสำคัญที่กลุ่มประเทศ G7 ตั้งไว้ เนื่องจากเวียดนามยังคงจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานจากถ่านหินเป็นอย่างมากในช่วงตลอดทศวรรษนี้
ทางการเวียดนามระบุว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยการยุติการใช้พลังงานจากถ่านหินทั้งหมดภายในปี 2050 นั้น รัฐบาลเวียดนามคาดการณ์ว่าจำเป็นต้องใช้เงินทุนมากถึง 6.58 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใน 1 ใน 5 ส่วนจำเป็นต้องเบิกจ่ายภายในทศวรรษนี้
โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเวียดนามตั้งเป้าที่จะให้อาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยครึ่งหนึ่งในเวียดนามใช้พลังงานจากแผงโซลาร์บนหลังคาของตนเองภายในปี 2030 อีกทั้งยังตั้งเป้าส่งออกพลังงานสีเขียวราว 5-10 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 อีกด้วย
แผนพลังงาน PDP8 นี้ยังมีแผนปรับเพิ่มกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าของเวียดนามขึ้นเป็น 2 เท่า จาก 69 กิกะวัตต์ภายในช่วงสิ้นปี 2020 มาเป็น 158 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 ซึ่งโรงไฟฟ้าของเวียดนามในปัจจุบันที่พึ่งพาก๊าซภายในประเทศและก๊าซ LNG นำเข้าจากต่างประเทศ จะเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าหลักของเวียดนามภายในปี 2030 โดยกระแสไฟฟ้าราว 37.33 กิกะวัตต์ หรือคิดเป็น 23.6% ของกำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้ในประเทศ มาจากก๊าซ LNG ตามมาด้วยถ่านหิน 19% พลังงานน้ำ 18.5% พลังงานลม 17.6% และพลังงานแสงอาทิตย์ 13.0%
นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของแผนงานและแนวทางในประเทศที่กำลังปรับตัวและมุ่งไปสู่การพึ่งพาพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อช่วยรับมือกับวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมโลก โดยเฉพาะภาวะเรือนกระจกและวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
แฟ้มภาพ: Hien Phung Thu / Shutterstock
อ้างอิง:
