“ก่อนที่จะมาจริงจังกับแรป แชมป์พยายามจะเป็นคนอื่น เมื่อโตมาเราจะรู้สึกว่ามันน่าดีใจตรงไหนวะกับการที่เราเป็นคนอื่น เราเป็นตัวเองดีกว่า มีลายเซ็นของตัวเองดีกว่า”
นั่นคือสิ่งที่ แชมป์-นครินทร์ จรูญวิทยา หรือที่เรารู้จักกันในนาม Maiyarap แชมป์จากรายการ The Rapper ซีซัน 2 บอกกับเรา เมื่อเราถามว่าการแรปโดยที่ได้เป็นตัวของตัวเองมันมีข้อดีอย่างไร และเคยคิดบ้างไหมว่าการแรปจะพาเขามาเป็นศิลปินในวันนี้
และนี่คือบทสนทนาที่พาย้อนกลับไปในวันวานของ Maiyarap ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มสนใจเพลงแรป จนได้ลองทำเพลงเอง เริ่มจริงจังกับมันมากขึ้นด้วยการลองพาตัวเองไปประกวดในเวทีต่างๆ และใช้การแรปเป็นเครื่องระบายอารมณ์ แต่ไม่เคยคิดว่าจะหากินได้กับมัน ไม่เคยคิดว่าต้องหวังอะไรกับมัน จนถึงวันที่เขาได้แชมป์จากเวทีที่เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งในวงการเพลงแรปของไทยอย่าง The Rapper ซีซัน 2
ชีวิตวัยรุ่นตอนที่เริ่มทำเพลงครั้งแรกเป็นอย่างไร
ตอนทำเพลงแรก แชมป์รู้สึกว่าตัวเองเท่มากเลย เดินเข้าโรงเรียน กางเกงต้องโหลด เสื้อต้องตัวใหญ่ เดินต้องโยก ฮิปฮอปอะไรอย่างนี้ แล้วความสนุกก็เริ่มตามมาหลังจากนั้น เริ่มสนุกกับการเขียนเพลง เข้าใจว่าเพลงที่ตัวเองเขียนมันดีที่สุดในโลกเลย พอโตมาแล้วกลับไปฟัง โอ้โห มันฟังไม่ได้จริงๆ ลบไปดีกว่า
จำไรม์แรกที่ตัวเองเขียนได้ไหม
จำไรม์แรกไม่ได้ แต่ว่าจำเนื้อหาได้ คือกูแม่งเจ๋งมากเลย กูแม่งเท่ ไม่มีใครทำแบบกูได้หรอก คิดจะล้มกู เฮ้ย กูเด็กนครสวรรค์ มั่นใจในตัวเองนิดหน่อย ทั้งๆ ที่ตอนนั้นอยู่ ม.1 เองนะ
ที่บ้านไม่ได้สนับสนุนให้เป็นศิลปิน แล้วตอนไหนที่เริ่มกล้าเดินเข้าไปบอกที่บ้านว่าจะทำเพลง
ไม่มีเลย ไม่เคยบอกอะไรเขาเลย เขาเพิ่งมารู้เรื่องราวของแชมป์เมื่อไม่กี่ปีเองครับ เพราะทุกครั้งที่เอาเพลงไปให้เขาฟัง เขาก็จะบอกว่าไร้สาระ ไปตั้งใจเรียนดีกว่า มึงจะเอาไปทำอะไรกิน ก็เลยเกิดความไม่กล้าที่จะบอกหรือแสดงออกให้เขาเห็น แต่เราก็ดื้อที่จะทำมันต่อไป มันอาจจะเป็นเพราะว่าแชมป์ชอบมั้ง ชอบและพยายามทำมันตลอด
แล้ววิธีการทำเพลงในตอนนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง
เริ่มจากเขียนใส่กระดาษเปล่าๆ ก่อน แล้วมันต้องหาที่อัดเพลง เพราะยุคนั้นโทรศัพท์มือถือยังไม่สามารถอัดแล้วเสียงออกมาโอเค แล้วจะมีกลุ่มที่ทำเพลงอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเราเป็นรุ่นน้องของพวกพี่เขา พี่คนที่เป็นไอดอลของแชมป์เขามีเพื่อนในเฟซบุ๊กเป็นใคร แชมป์กดแอดแล้วเข้าไปคุยกับเขาหมดทุกคนเลย
แชมป์ได้คุยกับพี่โอ๊ต O Bullet เขาถามว่าอยากทำจริงเหรอ เดี๋ยวกูโทรไป ทิ้งเบอร์เอาไว้สิ ตอนนั้นตื่นเต้นมากเลย เหมือนส่งออดิชันค่ายเพลงไปแล้วค่ายเพลงกำลังจะติดต่อกลับมา นั่งรอโทรศัพท์พี่เขาทั้งวัน เขาโทรมาหาตอนตี 3 แล้วเรามีเรียนตอน 6 โมงเช้า เราก็ต้องคุย เพราะว่าเราอยากทำจริงๆ
พี่เขาบอกว่าแรปให้กูฟังหน่อย พอแรปให้เขาฟังแล้วมันมีเสียงคนคนหนึ่งที่แชมป์ชอบมากในกลุ่มนี้ก็คือ พี่ต๊อบ BlackSheep เขาพูดขึ้นมาว่ากูฟังไม่รู้เรื่องว่ะ เดี๋ยวมึงเข้ามาอัดเลยแล้วกัน แชมป์ก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย นี่แหละเวลาของกู กูจะต้องฉายแสง
จากนั้นก็นัดวันกัน แชมป์ตื่นเต้นมากเลย วินาทีแรกที่ได้นั่งบนรถคันนั้นกับศิลปินที่เราชื่นชอบ มือเย็น เหงื่อแตก เครียดมาก ไม่รู้จะเครียดอะไร ก็นึกสภาพ สตูดิโอนี้มันจะต้องมีมิกเซอร์ใหญ่ๆ มีห้องอัดเสียงแยก มีไมค์ มีตัวกันน้ำลาย มีลำโพงเยอะๆ
สรุปเดินเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นคือมันมีลำโพงใหญ่ๆ มีทีวี แต่ไม่เห็นไมค์ เห็นแค่ห้องนอนห้องหนึ่ง คนที่พาไปเขาก็ไปยืนอยู่หน้าชั้นทีวี แล้วเขาก็ยืน โย่ว เช็กๆ 1 2 3 4 เช็กๆ เฮ้ย เขาพูดใส่อะไรวะ เขาชี้ให้ดูว่าเห็นไอ้ตัวเล็กๆ ที่มันติดอยู่หน้าชั้นทีวีไหม นั่นแหละไมค์
แล้วที่พีกกว่านั้นครับ ตัวกันน้ำลายมันเป็นไม้แขวนเสื้อที่ดัดให้งอ แล้วตัวกันน้ำลายคือถุงน่องที่ถูกรัดด้วยยางรัดแกงสีแดงๆ โห จินตนาการแชมป์พังทลายไปเลยตอนนั้น
มาตั้งแต่ 6 โมงเช้า ได้กลับบ้านตี 2 โดนแม่ด่าหนักมาก แล้วก็เป็นวันแรกที่บอกแม่ว่าไปอัดเพลงมา เขาด่าแชมป์ว่ามึงจะทำมาหากินอะไร มึงเห็นพ่อมึงไหมว่าเป็นยังไง ก็สลดได้อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงครับ อีก 2 ชั่วโมงต่อมาก็เขียนเพลงใหม่เลย (หัวเราะ)
ศิลปินทุกคนจะมีสไตล์ของตัวเองที่แตกต่างกันไป แล้ว Maiyarap หาตัวเองด้วยวิธีไหน
การหาตัวเองเป็นอะไรที่ยากมากเลยนะ หาอยู่ประมาณเกือบ 2 ปี ไม่รู้ว่าคำตอบมันคืออะไร การแรปของกูมันคืออะไร กูชอบดนตรีแบบไหน เพลงที่เราทำมันควรจะเป็นเพลงแบบไหน แชมป์ลองทุกบีต ทุกแนว พยายามจะเป็นคนอื่น รู้สึกว่าคนอื่นมันเท่ ทำไมกูเท่ไม่ได้เหมือนเขาวะ เมื่อโตมาเราจะรู้สึกว่ามันน่าดีใจตรงไหนวะกับการที่เราต้องเป็นคนอื่น เราเป็นตัวเองดีกว่า มีลายเซ็นของตัวเองดีกว่า
สุดท้ายก็ได้นิยามของสไตล์ตัวเองว่าไม่ว่าดนตรีมันจะเป็นแบบไหน กูก็ต้องแรปให้ได้ และขอเป็นคำสวย มีสัมผัส สองคือสัมผัสที่ดูมีเสน่ห์ สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราทำประจำนั่นแหละคือตัวเรา แต่เรากลับมองไม่เห็นมันเลย เรากลับเสียเวลาเปล่าๆ ไป 2 ปีกับการนั่งหาตัวเอง ทั้งๆ ที่เราเป็นตัวเองอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัวเลย เป็นสิ่งเดียวที่นอกจากเรียนคณิตศาสตร์แล้วทำแชมป์เครียดได้ขนาดนั้น (หัวเราะ)
เริ่มพาตัวเองเข้าไปสู่สายการประกวดในเวทีต่างๆ ได้อย่างไร
ตอนนั้นเกิดการโดนท้าก่อนว่าถ้ามึงไม่แข่ง มึงกระจอก ด้วยความที่เป็นคนขี้อายและไม่กล้าแสดงออก พอมีเวทีพวกนี้ มันก็ทำให้พอถึงเวลาที่ต้องลงมือทำกูก็ทำได้นี่หว่า ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีจะรู้สึกว่านี่แหละตัวกู รู้สึกว่ามั่นใจในตัวเองทุกครั้งที่อยู่บนเวที
แข่งมาทั้งหมดประมาณ 17-18 เวที ทุกครั้งที่แข่งจะแพ้รอบ 2 หมดครับ รอบ 2 จะชอบเจอคนเก่งๆ ตลอดเวลาเลย ถ้าเรียกว่าโชคดีก็คืออาจจะเป็นเราได้ประสบการณ์ เราได้ฝึก แต่โชคร้ายคือแม่งชอบมาสกัดดาวรุ่งกูว่ะ กูจะเกิดสักหน่อย จะมีแค่ 2 รายการที่รู้สึกว่าแชมป์ไปไกลมากก็คือ Rap is Now กับ The Rapper
เวที Rap is Now ทำให้ได้ทั้งเพื่อน ได้ประสบการณ์ ได้อาชีพ ได้คำตอบที่คนอื่นคาใจว่าเพลงแรปมันจะหากินได้ไหม ได้พิสูจน์ตัวเองกับครอบครัว
ก่อนหน้าที่จะไปแข่ง The Rapper สมองแชมป์มันขาดแรงบันดาลใจไป ทำให้รู้สึกว่าเขียนเพลงไม่ได้ เขียนได้ก็มาแต่ในรูปแบบเดิมๆ เวที The Rapper ช่วยรักษาตรงนี้ เพราะเข้าไปในรายการแล้วเราจะต้องหาแรงบันดาลใจตลอดเวลา แล้วคนอื่นก็ไม่ได้หยุดพัฒนา คนอื่นไปเร็วแค่ไหน เราต้องพยายามตามเขาให้เร็วกว่านั้น รู้สึกแอ็กทีฟตัวเองอยู่ตลอดเวลา ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ หลายแบบ และเรื่องของระเบียบวินัยด้วย เวทีนี้ทำให้ได้สิ่งที่ไม่เคยได้มาเลยในชีวิตนี้ นั่นก็คือคำว่าแชมป์
แข่งมา 17 เวทีแล้วยังไม่เคยชนะเลย เพราะอะไรถึงยังลองไปต่อในเวทีที่ 18
แชมป์ไม่ได้รู้สึกว่าแพ้ แค่รู้สึกว่ากูยังเก่งไม่พอ และยังอยากเก่งขึ้นไปมากกว่านี้ แพ้ก็คือแพ้ รู้ผลกันตรงนั้นแค่นั้นเอง ไม่ได้รู้สึกว่าคำว่าแพ้มันมาบั่นทอนชีวิต หลังจากแพ้ต้องลุกให้เร็วขึ้นแล้วมาแข่งใหม่ แชมป์สนุกของแชมป์ ได้เจอเพื่อนที่คุยภาษาเดียวกัน ได้แลกเปลี่ยนเพลงกันฟัง
เคยมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้คิดว่าจะเลิกแรปบ้างไหม
ตอนนั้นกลุ่มแตกกันครับ แชมป์รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งด้วยที่ทำให้กลุ่มแตก ประกอบกับทุกคนต้องแยกย้ายกันไปทำงาน แต่กลับกลายเป็นว่าแชมป์จะต้องอยู่ที่ตรงนั้นคนเดียว มันไม่มีเพื่อน ก็เลยเลิกแรปดีกว่า เกือบปีครับ พยายามปฏิเสธตัวเองตลอดว่ากูเลิก กูไม่ทำ แต่สุดท้ายก็ยังรู้สึกกับมันอยู่ ทุกครั้งที่เผลอไปฟังเพลงก็ยังหัวโยก ขากระดิก หัวคิดไรม์
คนที่ดึงแชมป์กลับมาก็คือพี่ต๊อบ BlackSheep ตอนนั้นคิดว่าพี่เขาเลิกแรปไปแล้วเหมือนกัน เขาส่งเพลงมาชื่อเพลงว่า RR ครับ ซึ่ง RR เป็นชื่อกลุ่มของผม ส่งมาถูกจังหวะมาก ตอนนั้นกำลังสับสนกับตัวเองว่ากูจะเลิกหรือกูจะทำ ก็เลยได้คำตอบที่ชัดเจนว่ากูทำ
ตอนนั้นเราคิดถึงแรปอยู่แล้ว แต่เราแค่ปฏิเสธตัวเอง เราคิดถึงกลุ่ม เราคิดถึงเพื่อน พอได้ฟังเพลงนั้นรู้สึกมีไฟ ท่อนฮุกมันร้องว่า ชื่อกูจำง่ายแค่ 2 พยางค์ รำคาญเสียงลำโพง MC ตะโกนออกจากกะลา R กูห้อยท้ายชื่อบ่งบอกถึงที่มา ซัดไม่อ้อมค้อม แค่กูในนาม นาม นาม นาม ของ River Rhyme ซึ่งมันไม่มีอะไรเลย แต่รู้สึกว่ามันปลุกใจแชมป์มากเลย
โปรเจกต์ทำเพลงล่าสุดกับ Vespa ที่เป็นการทำเพลงครั้งแรกกับพ่อ มีความพิเศษอย่างไรบ้าง
เราก็แทบไม่เคยคิดเลยว่าเราจะทำเพลงกับพ่อ จนมีโปรเจกต์นี้ของ Vespa ขึ้นมา ก็เลยลองดู พอลองแล้วสิ่งที่หนักใจตามมาคือกูจะทำเพลงอะไรกับพ่อวะ ก็ลองคลำทางไปเรื่อยๆ จนได้เป็นคำว่าเลือดพ่อมันแรง เราเองก็รู้สึกว่าเราได้เลือดเขามาเยอะ ถ้าจะพูดถึงเรื่องการดำเนินชีวิต แชมป์ว่ามันดราม่าไป ก็เลยรู้สึกว่าเอาเรื่องเจ้าชู้แล้วกัน
มันจะเป็นเพลงที่ประมาณว่าเราเจ้าชู้ แต่ว่าเรากลัวแฟน ซึ่งเรากลัวเหมือนใคร เรากลัวเหมือนพ่อ มันน่าจะเป็นโมเมนต์ที่กุ๊กกิ๊กดี เพราะว่าพ่อผมเขาก็เลื่องชื่อลือนามอยู่เหมือนกันเรื่องผู้หญิง (หัวเราะ)
วันที่ถ่ายเอ็มวี พอเห็นพ่ออยู่ในกล้อง แชมป์รู้สึกว่านานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นเขาเขินหรือว่ามีปฏิกิริยาแบบนี้ ต้องบอกก่อนว่าแชมป์กับพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน พ่อกับแม่เขาแยกทางกัน เพลงนี้อาจจะเป็นเพลงหนึ่งที่ทำให้ได้คุยกับพ่อมากกว่าปกติ ได้ใกล้ชิดเขามากขึ้น ได้สนทนากับเขามากขึ้น ได้เฮฮากับเขามากขึ้น อันนี้คือความประทับใจ
แชมป์กับพ่อจะไม่ค่อยพูดอะไรกันอยู่แล้ว แต่ดูออกว่าเขาดูเข้าใจเรามากขึ้นกับการทำงานตรงนี้ เขาได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของเราด้วย
อะไรคือสิ่งที่หล่อหลอมให้ Maiyarap คือ Maiyarap ในวันนี้
โชคดีที่แชมป์รู้ตัวเองเร็วว่าชอบอะไร เลยลองลงมือทำได้เร็ว ก็ตัวแชมป์เองนี่แหละที่หล่อหลอมตัวเองในวันนี้ ต้องขอบคุณตัวเองที่ไม่เลิกแรปวันนั้น ในวันที่พ่อกับแม่เลิกกันแล้วยังประคองตัวเองมาได้ นับถือตัวเองที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ยังมั่นคงอยู่กับทางนี้ แล้วก็นับถือตัวเองที่สามารถพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ว่าเราไม่ได้กระจอก
อยากให้คนจดจำแชมป์ Maiyarap ในแบบไหน
ต่อให้คนมองว่า Maiyarap เป็นใครแบบไหนก็ได้ แชมป์แล้วแต่เขา แต่ทุกคนรู้ว่านั่นคือ Maiyarap ก็พอ… เมื่อกี้ผมพูดว่าอะไรนะ ผมจะเอาไปจด (หัวเราะ)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์