ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) เผยราคาผักสดเฉลี่ยของไทยในตุลาคม 2568 ปรับเพิ่มขึ้น 10.5% ไปแตะ 40.6 บาทต่อกิโลกรัม สูงสุดในรอบ 17 เดือน โดยมีราคาผักสดที่พุ่ง 3 รายการแรก คือ กวางตุ้ง แตงกวา และคะน้า
โดยสาเหตุของการพุ่งขึ้นของราคามาจากผลของน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูกราว 22,392 ไร่ และแรงหนุนของความต้องการบริโภคในช่วงเทศกาลกินเจ โดยคาดว่าราคาจะสูงกว่า 1.6 เท่าจากช่วงปกติ
เปิดประมาณการ ‘ราคาผัก’ ในระยะถัดไป
KResearch กล่าวอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2568 ราคาผักสดคาดว่าจะปรับลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้น (ภาวะน้ำท่วมในฤดูฝนสิ้นสุดแล้ว) โดยเฉพาะผักสดเศรษฐกิจฤดูหนาวที่สำคัญ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย เป็นต้น โดยราคาผักสดทั้งปี 2568 คาดว่าจะลดลง 15.3% ไปเฉลี่ยอยู่ที่ 27.6 บาทต่อกิโลกรัม
ขณะที่ไตรมาสแรกปี 2569 คาดว่าราคาผักสดน่าจะทรงตัวในระดับต่ำ จากสภาพอากาศที่ยังเอื้อต่อการผลิตของลานีญาที่คงมีอยู่ ขณะที่ในฝั่งความต้องการบริโภคผักจำนวนมากในเทศกาลสำคัญยังมีไม่มากนัก และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เปราะบางจากการใช้จ่ายที่เร่งไปแล้วในช่วงก่อนหน้า
ส่วนไตรมาสที่ 2-4 ของปี 2569 คาดว่าราคาผักสดอาจปรับเพิ่มขึ้น ตามสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพลิกกลับมาเป็นเอลนีโญ ส่งผลต่อฤดูฝนให้มาช้าและอากาศร้อนมากขึ้น กระทบต่อปริมาณผลผลิตผักให้ลดลง
ราคาผักสดมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อแค่ไหน?
สำหรับผลต่ออัตราเงินเฟ้อ KResearch กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ผักสดคิดเป็น 2.19% ของตระกร้าเงินเฟ้อทั้งหมด ทั้งนี้ แม้ราคาผักจะปรับเพิ่มขึ้นในตุลาคม แต่อาจยังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะดันเงินเฟ้อทั่วไปให้เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากมีแรงฉุดในหมวดพลังงานที่มีราคาลดลงเป็นหลัก โดย KResearch คาดว่า เงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ -0.1%
ทั้งนี้ ตามข้อมูลล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อไทยติดลบ 6 เดือนต่อเนื่องแล้ว โดยลดลง 0.72% YoY ในเดือนกันยายน โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ยังได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.0% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะอยู่ระหว่าง 0.0-1.0% (ค่ากลาง 0.5%)


