เช้าวันนี้ (24 กันยายน) เกิดเหตุถนนสามเสนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับทางขึ้น-ลงที่ 4 ของสถานีวชิรพยาบาล (PP19) ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลต่อผู้ใช้ถนนและผู้มาใช้บริการโรงพยาบาล เนื่องจากอยู่ในจุดที่โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐกำลังดำเนินการ
สถานีวชิรพยาบาล: หนึ่งใน 10 สถานีใต้ดิน
สำหรับสถานีวชิรพยาบาลตั้งอยู่ใต้ถนนสามเสน ด้านหน้าโรงพยาบาล เชื่อมต่อระหว่างสถานีศรีย่านและหอสมุดแห่งชาติ ถือเป็น 1 ใน 10 สถานีใต้ดินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทางรวม 23.63 กิโลเมตร โดยมีโครงสร้างใต้ดิน 14.29 กิโลเมตร (10 สถานี) และโครงสร้างยกระดับ 9.34 กิโลเมตร (7 สถานี) รวมทั้งหมด 17 สถานี ปัจจุบันงานภาพรวมทั้งโครงการมีความคืบหน้าแล้ว 61.8%
สำหรับสถานีวชิรพยาบาลอยู่ในสัญญาที่ 1 จากทั้งหมด 6 สัญญา ครอบคลุมงานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ
ผู้รับจ้างคือกิจการร่วมค้า CKST-PL JV ระหว่างบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) ด้วยมูลค่าสัญญา 19,430 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น CK 55% และ STEC 45% ปัจจุบันสถานีนี้มีความคืบหน้ากว่า 70%
งานในมือใคร?
THE STANDARD ตรวจสอบข้อมูลพบว่า แม้สถานีวชิรพยาบาลจะอยู่ในความดูแลของ CKST-PL JV แต่การแบ่งพื้นที่รับผิดชอบภายในกิจการร่วมค้าถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดย STEC รับผิดชอบเฉพาะช่วงเชื่อมต่อจากสถานีเตาปูนถึงซอยสามเสน 30 ครอบคลุมงานสำคัญ เช่น งาน Cut and Cover (พื้นที่ทหาร), งาน Viaduct (พื้นที่ทหาร), สถานีรัฐสภา (PP17) ใกล้อาคารรัฐสภา, ปล่องอากาศ IVS01 บริเวณตรงข้ามบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เมื่อเปรียบเทียบกับตำแหน่งจุดทรุดตัวหน้าวชิรพยาบาล พบว่าไม่อยู่ในขอบเขตพื้นที่ที่ STEC รับผิดชอบโดยตรง
โครงการมูลค่าหลายหมื่นล้านที่สังคมจับตา
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ใช้งบประมาณก่อสร้างงานโยธารวม 101,112 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าสัญญาก่อสร้าง 6 สัญญา รวมกว่า 82,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเชื่อมการเดินทางฝั่งเหนือจากเตาปูนลงใต้ถึงราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก)
เหตุการณ์ถนนทรุดครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการก่อสร้าง แต่ยังสะท้อนถึงความท้าทายในการบริหารโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในเขตเมืองที่มีความหนาแน่นสูง
ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังตรวจสอบสาเหตุและผลกระทบ เพื่อคืนความมั่นใจให้ประชาชนและให้มั่นใจว่าการก่อสร้างโครงการซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทจะดำเนินไปอย่างปลอดภัย และไม่สร้างความเสี่ยงต่อประชาชนที่อยู่รอบข้าง