วันนี้ (14 กรกฎาคม) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐอเมริกา ที่ขณะกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนเยรูซาเลม และทริปแถบตะวันออกกลาง เตรียมลงนามในข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลอิสราเอล ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียาอีร์ ลาพิด เพื่อป้องกันการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
โดยจุดยืนของทั้งสองประเทศต่างสอดคล้องกัน ต่างเห็นพ้องที่จะยุติความทะเยอทะยานของอิหร่านในการครอบครองและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ร่วมกัน อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอล อาจจะตัดสินใจทำสงครามชิงโจมตีก่อน (Pre-emptive War) กับอิหร่าน หากพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นไปเพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบที่ใหญ่หลวงตามมา
อีกทั้งข้อตกลงร่วมดังกล่าวอาจช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างทางการสหรัฐฯ และหนึ่งในประเทศพี่ใหญ่แถบตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบียกลับมาฟื้นฟูเร็วยิ่งขึ้น หลังจากกรณีเกี่ยวกับการสังหารนักข่าวสายวิพากษ์ราชวงศ์ชาวซาอุดี อย่าง จามาล คาช็อกกี ที่ถูกลอบสังหารในสถานกงสุลในเมืองอิสตันบูลของตุรกี ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับมกุฎราชกุมารพระองค์ปัจจุบันของซาอุดีอาระเบีย โดยซาอุดีอาระเบียเองก็ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอิหร่านมาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะดึงอิหร่านเข้ามายังโต๊ะเจรจา ถกประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการครอบครองและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ที่สั่นคลอนความมั่นคงของประชาคมโลก ก่อนที่จะประสบความล้มเหลว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโจ ไบเดน ยังเน้นย้ำว่าประตูที่จะนำไปสู่โต๊ะเจรจาสำหรับอิหร่านยังคงเปิดกว้างอยู่เสมอ
“ถ้าอิหร่านต้องการจะลงนาม เหมือนที่เคยเจรจาที่กรุงเวียนนาครั้งก่อน ทางการสหรัฐฯ พร้อมอย่างยิ่งที่จะทำสิ่งนั้น แต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น เราเองก็พร้อมที่จะเดินหน้ากำหนดมาตรการคว่ำบาตร เพื่อเพิ่มแรงกดดันและพยายามโดดเดี่ยวอิหร่านในมิติของทางการทูตต่อไป”
ภาพ: Israeli Prime Ministry / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: