กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ยืนยันเมื่อวานนี้ (7 กุมภาพันธ์) ว่ารัฐบาลได้อนุมัติขายอุปกรณ์และบริการมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่ไต้หวัน เพื่อรักษา บำรุง และปรับปรุงระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศแบบ Patriot ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนตึงเครียดขึ้นไปอีก
แถลงการณ์จากหน่วยงานความร่วมมือด้านความมั่นคงทางการป้องกันของสหรัฐฯ (DSCA) ระบุว่า ทางหน่วยงานได้ส่งหนังสือรับรองที่จำเป็นเพื่อแจ้งให้สภาคองเกรสทราบแล้ว ภายหลังการอนุมัติขายโดยกระทรวงการต่างประเทศ
แถลงการณ์ของ DSCA ระบุว่า การอัปเกรดระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot จะช่วยยกระดับความมั่นคงของไต้หวัน และช่วยรักษาเสถียรภาพทางการเมือง สมดุลทางทหาร เศรษฐกิจ และความก้าวหน้าของไต้หวัน
“การขายอุปกรณ์และบริการครั้งนี้ช่วยรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ เศรษฐกิจ และความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยการส่งเสริมความพยายามของไต้หวันในการสร้างความทันสมัยให้กองทัพและเพื่อรักษาขีดความสามารถในการป้องกันที่น่าเชื่อถือ” DSCA ระบุ โดยผู้รับเหมาหลักในสัญญาฉบับนี้คือผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Raytheon Technologies และ Lockheed Martin
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันแสดงความยินดีกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ ครั้งนี้ โดยระบุว่า “เมื่อเผชิญกับการขยายตัวทางทหารและพฤติกรรมยั่วยุของจีน ประเทศของเราจะรักษาความมั่นคงแห่งชาติด้วยการป้องกันที่แข็งแกร่ง และเดินหน้ากระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ลึกซึ้งระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้จีนไม่พอใจยิ่งขึ้น เนื่องจากจีนมองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาตลอด พร้อมคัดค้านและต่อต้านความพยายามใดๆ ของรัฐบาลต่างชาติที่ถูกมองว่าแทรกแซงกิจการภายในของจีน ขณะที่ไต้หวันมองตนเองเป็นประเทศมาตลอดเช่นกัน แม้ยังไม่เคยประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการก็ตาม
ภาพ: Thomas Frey / picture alliance via Getty Images
อ้างอิง:
