จากกรณีคณะกรรมาธิการการทหารทำหนังสือขอทราบจำนวนนายพลตามเหล่าทัพต่างๆ ของกองทัพ ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมตอบกลับว่าเป็นข้อมูล ‘ลับมาก’ จึงให้ไม่ได้ เพราะหวั่นกระทบความมั่นคงและอาจสร้างความเสียหายแก่ประโยชน์แห่งรัฐอย่างร้ายแรง
เราจึงลองค้นหาข้อมูลจำนวนนายพลของประเทศอื่นดูว่า ข้อมูลเหล่านี้ ‘ลับ’ มากแค่ไหน ปรากฏว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด แถมเป็นข้อมูลสาธารณะที่ทั่วโลกเข้าถึงได้ รวมถึงของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทหารอันดับ 1 ของโลก
กองทัพสหรัฐอเมริกามีจำนวนนายพลเท่าไร
จากข้อมูลพบว่า ณ ตอนนี้สหรัฐฯ มีนายพล 4 ดาวหรือพลเอก พลเรือเอก และพลอากาศเอกอยู่ทั้งหมด 41 คน โดยอยู่ในคณะเสนาธิการร่วม 2 คน อยู่ในกองบัญชาการร่วม 11 คน อยู่ในหน่วย National Guards และกองทัพสหรัฐฯในเกาหลี 2 คน อยู่ในกองทัพบก 7 คน อยู่ในหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ 2 คน อยู่ในกองทัพเรือ 6 คน อยู่ในกองทัพอากาศ 8 คน อยู่ในกองทัพอวกาศ 2 คน และไปประจำอยู่ที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิอีก 1 คน และยังมีอีกบางตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้หารายชื่อได้จากเว็บไซต์ของกองทัพ หรือแหล่งอื่นๆ รวมถึงในวิกิพีเดีย ซึ่งข้อมูลตรงกันและมีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ยังมีกองทัพชั้นนำของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงสหราชอาณาจักรและจีนที่หาข้อมูลทั้งจำนวนและชื่อของนายพลได้จากวิกิพีเดีย
เป็นเรื่องแปลกที่ประเทศเหล่านี้ไม่ถือเป็นความลับเหมือนกับกองทัพไทย ซึ่งเพิ่งกำหนดว่าข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนนายพลเป็นความลับ แถมจัดระดับเป็น ‘ลับมาก’ ด้วย คือถ้าเปิดเผยแม้ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนอาจจะกระทบต่อประโยชน์ของรัฐได้
จะว่าไปเรื่องจำนวนนายพล โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นกองทัพอันดับหนึ่งของโลกนั้นมีการกำหนดกฎเกณฑ์หลายๆ อย่างที่ตายตัวและชัดเจน โดยนอกจากการเลื่อนตำแหน่งสำคัญๆ ของนายพลจะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนเพื่อรับประกันหลักการที่พลเรือนต้องมีอำนาจเหนือทหารแล้ว ประมวลกฎหมายของสหรัฐฯ (United States Code) ยังกำหนดให้มีจำนวนนายพลไม่เกินที่ระบุไว้คือ 653 คน โดยแยกเป็นเหล่าดังนี้
- กองทัพบก 231 คน
- กองทัพเรือ 162 คน
- กองทัพอากาศ 198 คน
- หน่วยนาวิกโยธิน 62 คน
นอกจากนั้นยังกำหนดลงไปว่าจำนวนของนายพล 3 ดาวและ 4 ดาว หรือหมายถึงนายพลตั้งแต่พลโท / พลเรือโท / พลอากาศโท มีได้ไม่เกิน 25% ของจำนวนนายพลทั้งหมด ซึ่งแปลว่าในปัจจุบันมีได้ไม่เกิน 163 คน
ดังนั้นเมื่อคำนวณจากประมวลกฎหมายของสหรัฐอเมริกาจะพบว่ากองทัพสหรัฐฯ ทั้งกองทัพมีนายพล 4 ดาว อยู่ 41 คน มีนายพล 3 ดาว 122 คน ที่เหลือเป็นนายพล 2 ดาว (พลตรี/พลเรือตรี/พลอากาศตรี) และนายพล 1 ดาว (พลจัตวา/พลเรือจัตวา/พลอากาศจัตวา) รวมกัน 490 คน
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของประมวลกฎหมายนี้ก็คือ ถ้ากระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือเพนตากอนต้องการเพิ่มจำนวนนายพลให้กับเหล่าทัพใด หรือในกรณีที่ต้องการตั้งเหล่าทัพใหม่ เช่นเมื่อหลายปีที่ผ่านมามีการตั้งกองทัพอวกาศขึ้นมา และจำเป็นต้องมีนายพลใหม่ เพนตากอนต้องไปลดจำนวนนายพลในหน่วยเดิมเพื่อให้ผลรวมยังคงอยู่ที่ 653 คนเหมือนเดิม
และอย่างที่เราน่าจะพอทราบก็คือ นายพลในกองทัพสหรัฐฯ นั้นมีอำนาจไม่มากนัก ส่วนใหญ่มีอำนาจเตรียมกำลังพล และเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้บัญชาการสูงสุดซึ่งก็คือประธานาธิบดี ไม่สามารถสั่งเคลื่อนกำลังเอง ไม่สามารถประกาศกฎอัยการศึกเอง ไม่สามารถประกาศสงครามเองได้ ทั้งหมดต้องรับคำสั่งจากประธานาธิบดี ซึ่งจะสั่งไปยังหน่วยใช้กำลังคือ Combatant Command ที่มีหน้าที่หยิบกำลังจากเหล่าทัพต่างๆ มาใช้ในภารกิจ
สาเหตุที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะกองทัพสหรัฐฯ ถูกออกแบบมาโดยหลักการที่ยึดถือมาตั้งแต่การก่อตั้งประเทศก็คือการรับประกันว่าพลเรือนจะมีอำนาจควบคุมกองทัพ เพราะพลเรือนนั้นมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ดังนั้นการรับประกันว่าพลเรือนควบคุมกองทัพก็คือการรับประกันว่าประชาชนจะควบคุมกองทัพได้นั่นเอง ซึ่งหลักการนี้ก็ไม่ได้ต่างจากหลักการในประเทศแถบยุโรปสักเท่าไรนัก
และไม่ใช่ประเทศในโลกเสรีนิยมเท่านั้น ประเทศในค่ายสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ก็มีหลักการที่ไม่ต่างกัน เช่นกองทัพจีนนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์ และกฎของพรรคและของประเทศระบุว่ากองทัพต้องภักดีกับพรรค และรับคำสั่งจากพรรคเท่านั้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงกองทัพต้องรับคำสั่งจากตัวแทนประชาชนนั่นเอง
ดังนั้นกองทัพส่วนมากในโลกจะมีความยึดโยงกับประชาชน ตระหนักว่าตนเองต้องรับคำสั่งจากผู้นำประเทศที่ประชาชนเลือกเข้ามาหรือผู้นำที่ปกครองประเทศอยู่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถทำอะไรโดยอ้างข้ออ้างใดๆ ที่กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจได้ เช่นเดียวกับกองทัพเกาหลีใต้ที่แม้ประธานาธิบดีจะประกาศกฎอัยการศึกและสั่งให้กองทัพออกมาจับกุม สส. แต่เมื่อรัฐสภาเปิดทำการและลงมติยกเลิกกฎอัยการศึก กองทัพก็ต้องปฏิบัติตาม
ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยอย่างจำนวนนายพลมีกี่คน จึงเป็นเรื่องที่กองทัพของประเทศที่เจริญแล้วและยึดโยงกับประชาชนสามารถบอกประชาชนได้ทันที