สงครามการค้า (Trade War) ทรัมป์ 2.0 กำลังบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด เพราะเรากำลังเข้าสู่ยุคที่การแข่งขันสูง โครงสร้างเศรษฐกิจ ห่วงโซ่อุปทานโลกไม่เหมือนเดิม
โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐฯ ยังมีความที่ไม่แน่นอนสูง ขณะที่ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ใน ‘เรดาร์’ ของสหรัฐฯ เสี่ยงโดนกำแพงภาษีสินค้านำเข้า เพราะไทยคือประเทศที่ขยับขึ้นจากอันดับ 12 ติดท็อป 10 ที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ ไปแล้ว
2 สิ่งที่ไทยต้องจับตาเสี่ยงได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม คือกระแสการเคลื่อนย้ายฐานผลิต แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
- โรงงานของจีนและต่างชาติที่เคยใช้ฐานการผลิตในจีนยังคงเกิดกระแสการไหลออกอย่างต่อเนื่องซึ่งไทยและอาเซียนเป็นเป้าหมาย
- การย้ายกลับถิ่นฐานเดิม (Reshoring) ของบริษัทสัญชาติอเมริกัน ภายใต้นโยบาย ‘Make America Great Again’
มีความเป็นไปได้ว่า บริษัทสัญชาติอเมริกันที่มีฐานผลิตในไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีแผนลงทุน เช่น คลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ อาจไหลทวนกลับไป ซึ่งแม้จะมีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในไทยแล้ว แต่ยังไม่ได้ตั้งโรงงาน
อาจเป็นไปได้ว่าทรัมป์จะมีข้อเสนอสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนเลือกกลับมาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ เพื่อกลับมาจ้างงานชาวอเมริกัน และดึงการลงทุนในประเทศ ตามนโยบาย American First
ขณะเดียวกัน ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทรัมป์ ได้จัดกลุ่มประเทศเป้าหมายออกเป็น 3 ระดับ โดยประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน ‘โซนเหลือง’ หรือกลุ่มเสี่ยงระดับสอง ร่วมกับไต้หวันและเวียดนาม เนื่องจากประเทศเหล่านี้มี ‘ความแตกต่างของภาษีศุลกากรสูงเป็นพิเศษ’ เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ นอกจากนี้สหภาพยุโรป ซึ่งมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงมาก ก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน
บวกกับทรัมป์ที่ส่งสัญญาณว่าจะยกระดับและปรับโครงสร้างความสัมพันธ์การค้าโลกเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariff) หลายประเทศในอีกไม่กี่วัน หรือช้าสุดในสัปดาห์หน้า
ถึงเวลาหรือยังที่ไทยควรจัดตั้งวอร์รูมเพื่อเตรียมรับแรงกระแทก?
วันนี้ THE STANDARD WEALTH รวบรวม 10 รายการสินค้าไทยที่อาจไม่รอดโดนขึ้นภาษี พร้อมจับตา 5 กลุ่มเสี่ยงที่ทรัมป์เพ่งเล็ง และนับจากวันที่ทรัมป์คืนสู่ทำเนียบขาว ไล่เช็กบิลกำแพงภาษีประเทศไหนไปแล้วบ้าง
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
อ้างอิง: KKP, กระทรวงพาณิชย์, หอการค้า, ส.อ.ท.