สหรัฐฯ ร่วมกับรัสเซีย เกาหลีเหนือ เบลารุส อิสราเอล และอีก 14 ประเทศ โหวตคัดค้านมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในการประณามการกระทำของรัสเซียที่ก่อสงครามรุกรานยูเครน เนื่องในวันครบรอบ 3 ปีของสงครามวานนี้ (24 กุมภาพันธ์)
โดยมติดังกล่าวซึ่งร่างโดยยุโรปผ่านการรับรองด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 93 เสียง รวมถึงไทยที่โหวตสนับสนุน ในขณะที่ 65 ประเทศงดออกเสียง
ส่วนหนึ่งของเนื้อหามติดังกล่าวแสดงความกังวลต่อการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียที่ยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลา 3 ปี และยังคงส่งผลกระทบร้ายแรงและยาวนาน ไม่เพียงแต่ต่อยูเครน แต่ยังรวมถึงภูมิภาคอื่นๆ และเสถียรภาพของโลก
พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้มีการลดระดับความตึงเครียดและยุติการสู้รบโดยเร็ว รวมถึงยุติการทำสงครามกับยูเครนอย่างสันติ ในขณะที่เรียกร้องให้รัสเซีย “ถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากดินแดนยูเครนภายในพรมแดนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข”
ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐฯ ที่โหวตในทิศทางเดียวกับรัสเซีย ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อจุดยืนและนโยบายที่มีมายาวนานหลายปี และสะท้อนบรรยากาศตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าความพยายามเจรจาสันติภาพกับรัสเซียเพื่อยุติสงครามในยูเครน ท่ามกลางข้อกังวลจากยูเครนและชาติยุโรปที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโต๊ะเจรจา
นอกจากนี้ในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC)สหรัฐฯ และรัสเซีย ยังโหวตสนับสนุนอีกมติที่ร่างโดยสหรัฐฯ เอง ซึ่งเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง แต่ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัสเซีย
โดยเนื้อหาในมติดังกล่าว ซึ่งไม่มีการระบุถึงรัสเซียว่าเป็นผู้รุกรานหรือยอมรับบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสหภาพยุโรป 5 ประเทศ รวมถึงพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ คือ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ที่งดออกเสียง หลังจากความพยายามแก้ไขถ้อยคำในมติดังกล่าวถูกรัสเซียใช้สิทธิ์ยับยั้ง
วาซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ แสดงความชื่นชมร่างมติของสหรัฐฯ ที่สั้นเพียง 3 ย่อหน้า ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามในอนาคต เพื่อยุติความขัดแย้งอย่างสันติ
“ข้อความที่เราให้ผ่านไม่ใช่ข้อความในอุดมคติ แต่โดยพื้นฐานแล้วเป็นความพยายามครั้งแรกในการให้คณะมนตรีความมั่นคงมีสิ่งที่สร้างสรรค์และมุ่งสู่อนาคต ซึ่งกำลังพูดถึงเส้นทางสู่สันติภาพ แทนที่จะทำลายความขัดแย้ง” เขากล่าว
ขณะที่ โดโรธี เชีย อุปทูตสหรัฐฯ เรียกการผ่านมติดังกล่าวว่าเป็นการดำเนินการครั้งแรกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง
“มติฉบับนี้จะนำเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ ถือเป็นก้าวแรก แต่เป็นก้าวที่สำคัญยิ่ง ซึ่งเราทุกคนควรภาคภูมิใจในตอนนี้ เพราะเราต้องใช้มันเพื่อสร้างอนาคตอันสงบสุขสำหรับยูเครน รัสเซีย และประชาคมโลก”
โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ยังได้นำเสนอร่างมตินี้ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ แต่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้มีเนื้อหาที่สนับสนุนยูเครน ซึ่งทำให้สหรัฐฯ งดออกเสียง ก่อนที่มติดังกล่าวจะผ่านการรับรอง
อ้างอิง:
