รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเผยว่า ขณะนี้ทางการสหรัฐฯ กำลังเตรียมสมัครกลับเข้าไปเป็นสมาชิกองค์การ UNESCO อีกครั้ง หลังจากที่เคยถอนตัวไปในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อราว 5 ปีก่อน
ริชาร์ด เวอร์มา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยถึงแผนการที่สหรัฐฯ จะสมัครกลับเข้าไปเป็นสมาชิก UNESCO อีกครั้ง พร้อมทั้งเผยว่าการดำเนินการใดๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกปัจจุบันของ UNESCO และทางการสหรัฐฯ เข้าใจดีว่าผู้บริหารของ UNESCO จะนำข้อเสนอของสหรัฐฯ เสนอต่อบรรดาประเทศสมาชิกในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ขณะนี้สหรัฐฯ มีภาระค้างชำระหนี้ให้แก่ UNESCO เป็นเงินจำนวนมาก แต่เมื่อช่วงต้นปี 2023 ทางการสหรัฐฯ ได้จัดสรรงบประมาณราว 150 ล้านดอลลาร์ (ราว 522 ล้านบาท) ในแผนงบประมาณปัจจุบัน เพื่อจ่ายคืนให้กับ UNESCO ตามภาระผูกพันที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้
ตลอดระยะเวลาช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และ UNESCO ไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังจากโต้เถียงกันเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองในช่วงสงครามเย็น และมีจุดยืนที่แตกต่างกันในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์
โดยสหรัฐฯ มีประวัติเคยถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิก UNESCO มาแล้วถึง 2 ครั้ง ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เมื่อปี 1984 ก่อนที่จะสมัครกลับเข้าไปเป็นสมาชิกอีกครั้งในสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เมื่อปี 2003 และตัดสินใจถอนตัวอีกครั้งในสมัยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อปี 2017 พร้อมทั้งอ้างว่าองค์การ UNESCO อคติและมีแนวทางต่อต้านอิสราเอล ส่งผลให้ทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลประกาศถอนตัวพร้อมกัน มีผลอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2018
ทางด้านจอห์น บาสส์ ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เชื่อว่าการตัดสินใจสมัครกลับเข้าเป็นสมาชิก UNESCO จะช่วยส่งเสริมบทบาทสหรัฐฯ ในการแข่งขันกับจีนบนเวทีโลก หลังจากที่ในระยะหลังๆ จีนกลายเป็นหนึ่งประเทศที่จัดสรรเงินสนับสนุนจำนวนมหาศาลให้แก่หลายองค์การสำคัญภายใต้สหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง
บาสส์ระบุว่า “การกลับเข้าเป็นสมาชิก UNESCO จะช่วยสหรัฐฯ จัดการกับต้นทุนค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นจากการห่างหายไปจากการแสดงบทบาทสำคัญบนเวทีโลก โดยเฉพาะการแข่งขันกับจีน
“หากเราจริงจังที่จะแข่งขันกับจีนในยุคดิจิทัล เราคงไม่สามารถละเว้นการเข้าเป็นสมาชิกในองค์การสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อีกต่อไปแล้ว
“และยังมีตัวอย่างอีกมากมายที่เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากภารกิจของ UNESCO ซึ่งมีส่วนบั่นทอนความสามารถและประสิทธิภาพของสหรัฐฯ ในการผลักดันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโลกเสรีไม่มากก็น้อย”
ปัจจุบัน UNESCO มีประเทศสมาชิก 193 ประเทศ และสมาชิกสมทบอีก 12 ประเทศ โดยมีออเดรย์ อาซูเลย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การ UNESCO คนปัจจุบัน
แฟ้มภาพ: Julien De Rosa / Pool / AFP
อ้างอิง:
