- เกิดปรากฏการณ์ที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ (WTI) ดิ่งจนติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) สำหรับส่งมอบเดือนพฤษภาคม ดิ่งลงถึง 55.90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 306% ปิดที่ระดับ -37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล วานนี้ (20 เมษายน) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายก่อนที่สัญญาดังกล่าวจะหมดอายุในวันที่ 21 เมษายน
- หมายความว่าคนขายหรือเจ้าของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องเป็นคนจ่ายเงินให้ผู้ซื้อเพิ่มเพื่อให้รับมอบน้ำมันไป ซึ่งเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ง่ายๆ ว่าร้านค้าต้องจ่ายเงินให้ผู้ซื้อเพื่อนำสินค้ากลับไป เป็นกรณีที่อาจไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
- ราคาที่ร่วงหนักเป็นผลมาจากดีมานด์ในน้ำมันปิโตรเลียมที่ตกต่ำ สืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักทั่วโลก บวกกับสงครามราคาระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้น้ำมันดิบล้นตลาด
- ราคาน้ำมันดิบติดลบสะท้อนว่า นักลงทุนที่ซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ตั้งใจจะรับมอบน้ำมันดิบจริงๆ แต่ถือไว้เพื่อเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา ดังนั้นเมื่อถึงวันที่สัญญาหมดอายุ จึงไม่มีใครอยากรับน้ำมันไว้
- สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในเวลานี้ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงมาก ซึ่งการนำนำ้มันไปขายต่อจะทำได้ยาก ขณะที่สถานที่กักเก็บก็ใกล้เต็มเพดานความจุ ดังนั้นจึงส่งผลให้ต้นทุนการเก็บรักษาสูงขึ้น และไม่คุ้มค่าที่จะรับน้ำมันไว้
- เมื่อราคาร่วงแรง นักลงทุนต้องตัดสินใจเลือกระหว่างหาที่เก็บรักษาหรือยอมขายขาดทุน ซึ่งกรณีนี้ราคาติดลบหรือต้องแถมเงินให้ผู้ซื้อด้วย อาจคุ้มกว่าเมื่อเทียบกับการที่ต้องแบกรับต้นทุนการเก็บรักษาน้ำมันไปจนกว่าจะขายออกไปได้
- แต่ภาวะการซื้อขายสัญญาน้ำมันส่งมอบเดือนพฤษภาคมนี้ไม่สามารถสะท้อนภาวะดีมานด์และซัพพลายได้ทั้งหมด เพราะมีปัจจัยกดดันจากวันครบกำหนดส่งมอบ โดยปกติเราจะอิงราคาจากสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าที่มีปริมาณการเทรดสูงสุด ซึ่งปัจจุบันคือสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายนที่ซื้อขายกันอยู่ที่ระดับ 20.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อคืนนี้