ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยว่าพบผู้ป่วยโรคหัดเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแล้วถึง 555 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเกือบ 100 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองที่อาศัยอยู่ในรัฐนิวยอร์ก กระทรวงสาธารณสุขคาด การแพร่ระบาดของโรคหัดนี้อาจรุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี นับตั้งแต่ปี 1994 ซึ่งมีผู้ป่วยราว 963 ราย
ขณะนี้มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคหัดแล้วกว่า 20 รัฐ กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งดูเหมือนว่านครนิวยอร์กจะเป็นศูนย์กลางการแพร่กระจายโรคในครั้งนี้ โดย 2 ใน 3 ของผู้ป่วยทั้งหมดมาจากรัฐนิวยอร์ก ซึ่งกรมควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention) ได้แนะนำให้ผู้ปกครองนำบุตรหลานทุกคนมารับการฉีดวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อหัดได้มากถึง 97%
องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าในปีนี้ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มมากขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2018 ที่ผ่านมา โดยยูเครน มาดากัสการ์ และอินเดีย พบผู้ป่วยโรคนี้มากกว่า 60,000 ราย
กรมการกงสุลเตือนภัยโรคหัดระบาดในนครนิวยอร์ก โดยเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดยมีการลงนามในเทศบัญญัติให้ประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในเขตบรูกลินเข้ารับการฉีดวัคซีน และหากฝ่าฝืนหรือไม่แสดงหลักฐานว่าได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอาจต้องชำระค่าปรับสูงถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ
พร้อมแจ้งเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปนครนิวยอร์กในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีเด็กและทารก ให้ระมัดระวังการแพร่ระบาดของโรคหัด และควรได้รับการฉีดวัคซีนล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 2 สัปดาห์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนสถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก โทร. +1 646 842 0864, เฟซบุ๊กสถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก Royal Thai Consulate General NY หรือคอลเซ็นเตอร์กรมการกงสุล โทร. +66 2572 8442
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: