รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศว่า บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งอนุมัติเรื่องเรือดำน้ำโจมตี และตกลงที่จะให้ความร่วมมือในการจัดหาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ให้เกาหลีใต้
ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ และเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีกำลังเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการทดสอบโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนภายในภูมิภาค
โดยข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้นำทั้งสองบรรลุข้อตกลงทางการค้าเมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งส่งผลให้มีการลดภาษีสินค้านำเข้าลงจาก 25% เป็น 15% ขณะที่เกาหลีใต้ตกลงที่จะลงทุนในสหรัฐฯ รวม 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการลงทุนเงินสด 2 แสนล้านดอลลาร์ และการลงทุนในอุตสาหกรรมการต่อเรือ 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
แรงจูงใจและความได้เปรียบของเกาหลีใต้
โครงการเรือดำน้ำใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ ซึ่งเพิ่งเปิดเผยว่ากำลังดำเนินโครงการเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของตนเอง โดยเกาหลีเหนือคาดว่าจะมีเรือดำน้ำดังกล่าวภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และมีคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ประมาณ 50 หัวรบอยู่แล้ว
ขณะที่เรือดำน้ำของเกาหลีใต้ที่มีอยู่ประมาณ 20 ลำนั้นขับเคลื่อนด้วยดีเซล ซึ่งต้องขึ้นสู่ผิวน้ำบ่อยกว่ามาก ในทางตรงกันข้าม เรือดำน้ำนิวเคลียร์สามารถปฏิบัติการได้ไกลและเร็วกว่า รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่าการมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์เป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจ และเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในการเสริมสร้างการป้องกันประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การได้เรือดำน้ำนิวเคลียร์มาครอบครองจะช่วยให้เกาหลีใต้ก้าวทันการแข่งขันด้านอาวุธในเอเชียตะวันออก และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่หมายความว่าเกาหลีใต้เป็น ‘ผู้เล่นสำคัญในระดับภูมิภาค’ นอกจากนี้ยังช่วยให้เกาหลีใต้สามารถปฏิบัติการร่วมกับประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น
แม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนอาจมองว่า เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์อาจ ‘ไม่ได้เปลี่ยนแปลง’ ดุลอำนาจในคาบสมุทรเกาหลีไปอย่างมาก แต่จุดประสงค์หลักคือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวเกาหลีใต้ว่า รัฐบาลกำลังตอบสนองต่อภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างเต็มความสามารถ
สำหรับสหรัฐฯ การสนับสนุนโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงกดดันต่อทั้งเกาหลีเหนือและจีน โดยเกาหลีใต้จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม และจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในการกดดันสองประเทศนี้
ขณะที่จีนมีแนวโน้มไม่พอใจต่อข้อตกลงดังกล่าว หลังเอกอัครราชทูตจีนประจำเกาหลีใต้ได้แสดงความหวังว่าเกาหลีใต้จะจัดการประเด็นนี้อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความกังวลของทุกฝ่าย พร้อมเน้นย้ำว่าสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคยังคง ‘ซับซ้อนและละเอียดอ่อน’
นักวิชาการบางคนเชื่อว่า เกาหลีเหนืออาจยินดีกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความชอบธรรมของเกาหลีเหนือในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป ซึ่งหมายความว่าการเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จะทำได้ยากขึ้น
ที่ผ่านมา เกาหลีใต้เคยมีโครงการอาวุธนิวเคลียร์ในช่วงทศวรรษ 1970 แต่ล้มเลิกไปตามแรงกดดันของสหรัฐฯ ความสามารถในการเสริมสมรรถนะหรือการนำยูเรเนียมกลับมาใช้ใหม่จึงถูกจำกัดโดยสหรัฐฯ เนื่องจากเกาหลีใต้ต้องพึ่งพาการนำเข้าทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่เห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับสถานที่สร้างเรือดำน้ำ โดยโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เรือจะถูกสร้างที่อู่ต่อเรือในฟิลาเดลเฟีย แต่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ยังคงยืนยันว่าต้องสร้างในประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่สามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่า และอู่ต่อเรือในฟิลาเดลเฟียนั้นไม่มีความสามารถในการสร้างเรือดังกล่าว
โดยหลังจากบรรลุข้อตกลงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรับข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสองประเทศ เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถจัดหาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ และกำหนดขอบเขตสำหรับการใช้งานทางทหารได้
แฟ้มภาพ: Woohae Cho / Getty Images
อ้างอิง:


