สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Non-Manufacturing PMI) เดือนกรกฎาคม ลดลงสู่ระดับ 53.7 จุด จาก 55.1 จุด ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2016 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจะขยายตัวที่ระดับ 55.5 จุด ในเดือนกรกฎาคม โดยดัชนียังคงอยู่ในแดนขยายตัว แต่สะท้อนความต้องการบริโภคของชาวอเมริกันที่ชะลอตัวลงสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
โพลสำรวจระบุว่า ความเชื่อมั่นในภาคบริการสหรัฐฯ อ่อนแอลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี สืบเนื่องจากความกังวลต่อสงครามการค้า ซึ่งส่งผลต่อยอดสั่งซื้อของภาคธุรกิจและกระทบแนวโน้มเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งนี้ค่าดัชนีที่ระดับเหนือ 50 จุด ยังถือว่าขยายตัวอยู่
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดการณ์ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เนื่องจากสวนทางกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ขยายตัว 3.1% ในไตรมาสแรก และ 2.1% ในไตรมาส 2 ขณะที่ตลาดแรงงานยังอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราการว่างงานที่ทรงตัวในระดับ 3.7% และสร้างงานใหม่ได้จำนวน 165,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้ภาคบริการเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยมีสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐฯ ดังนั้นตัวเลขที่ชะลอตัวลงจึงสร้างความวิตกเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจหลังจากนี้
เอียน ลินเจน หัวหน้านักกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ แห่งบริษัท BMO Capital Markets ให้ความเห็นว่า สำหรับเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคบริการอย่างมากแล้ว ตัวเลขที่ออกมาถือว่าสร้างปัญหาหนักอกให้กับสหรัฐฯ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: