สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่านรายงานว่า อิหร่านยอมรับว่าเป็นผู้ยิงเครื่องบินโดยสาร Boeing 737 สายการบิน Ukraine International Airlines ของยูเครนตกเมื่อวันพุธ (8 มกราคม) หลังบินออกจากสนามบินกรุงเตหะรานได้ไม่กี่นาที ซึ่งส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้ง 176 คน
“เป็นวันที่น่าเศร้า รายงานการสืบสวนเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า อุบัติเหตุเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ในช่วงเวลาวิกฤตที่เกิดจากนโยบายที่เสี่ยงของสหรัฐฯ จนนำไปสู่ภัยพิบัติ” จาวาด ซาริฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านระบุในทวิตเตอร์
นอกจากนี้ทางการยังแสดงความเสียใจต่อประชาชน และครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิตทั้งชาวอิหร่านและชาวต่างชาติ
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ แคนาดา และสหราชอาณาจักร ได้รับข่าวกรองที่เชื่อถือได้ระบุว่า เครื่องบินของสายการบินยูเครนน่าจะถูกยิงตกโดยขีปนาวุธของอิหร่าน
นอกจากนี้ยังมีภาพวิดีโอที่เผยให้เห็นวินาทีที่ขีปนาวุธแบบพื้นผิวสู่อากาศถูกปล่อยจากอิหร่าน รวมถึงเหตุการณ์ที่ขีปนาวุธยิงถูกเครื่องบินใกล้กับสนามบินเตหะราน ซึ่งเห็นการระเบิดกลางอากาศ แต่ตัวเครื่องบินไม่ได้ระเบิดทันที และพยายามบินต่ออีกหลายนาทีเพื่อกลับสนามบิน จากนั้นมีไฟลุกไหม้ที่ตัวเครื่อง และระเบิดตกลงมาอย่างรวดเร็วในเขตเมืองพาแลนด์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน
สำหรับผู้เสียชีวิตจากเที่ยวบิน PS752 นี้ แบ่งเป็นผู้โดยสาร 167 คน และลูกเรือ 9 คน ประกอบด้วยชาวอิหร่าน 82 คน, แคนาดา 63 คน, ยูเครน 11 คน, สวีเดน 10 คน, อัฟกานิสถาน 4 คน, เยอรมัน 3 คน และอังกฤษ 3 คน
ส่วนอาวุธที่ใช้นั้น Newsweek รายงานอ้างเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอิรักระบุว่า เป็นระบบขีปนาวุธ Tor ที่ผลิตโดยรัสเซีย มีพิสัยทำการไกล 500 กิโลเมตร
อ้างอิง: edition.cnn.com/middleeast/live-news/us-iran-news-intl-01-10-2020/index.html