ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามรับรองกฎหมายงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 692.3 ล้านล้านบาท (ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 28 ธันวาคม) ซึ่งในจำนวนนี้แบ่งเป็นแพ็กเกจเยียวยา 900,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่สภาคองเกรสโหวตรับรองไปก่อนหน้านี้ และอีก 1.4 ล้านล้านจากวงเงินงบประมาณปกติของรัฐบาล
ทั้งนี้ ทรัมป์ซึ่งออกไปตีกอล์ฟคลายเครียดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ธันวาคม) ยอมเปลี่ยนท่าทีลงนามรับรองแพ็กเกจช่วยเหลือดังกล่าว หลังก่อนหน้านี้มีรายงานจากสื่อท้องถิ่นว่า เขาปฏิเสธที่จะลงนาม เนื่องจากต้องการให้สภาคองเกรสปรับแก้การใช้จ่ายงบประมาณในแพ็กเกจ 900,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเรียกร้องให้เพิ่มเช็คเงินสดที่แจกจ่ายโดยตรงแก่ชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากที่กำหนดไว้ 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน เป็น 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน
สำนักข่าว Reuters รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวในทำเนียบขาวว่า ที่ปรึกษาแนะนำให้ทรัมป์ยอมลดท่าทีลง เนื่องจากไม่เห็นผลดีจากการปฏิเสธลงนาม ซึ่งหากทรัมป์ไม่ยอมลงนามรับรองกฎหมายฉบับนี้ภายในช่วงเที่ยงคืนของวันนี้ (28 ธันวาคม) จะส่งผลให้เกิดการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลบางส่วน เนื่องจากไม่มีงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงาน
ด้าน โจ ไบเดน คู่แข่งและว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ เตือนผลกระทบเลวร้ายที่ตามมา หากทรัมป์ยังคงเล่นเกมยื้อเวลาลงนาม พร้อมโจมตีทรัมป์ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ว่า การไม่ยอมลงนามแพ็กเกจช่วยเหลือฉบับนี้ เป็นการ ‘สละความรับผิดชอบ’
“มันเป็นวันถัดจากวันคริสต์มาส และหลายล้านครอบครัวยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะผ่านพ้นไปได้หรือไม่ เนื่องจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธลงนามในร่างกฎหมายบรรเทาทุกข์ทางเศรษฐกิจ ที่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสด้วยเสียงส่วนใหญ่จากทั้งสองฝ่าย” ไบเดนกล่าว
สำหรับเนื้อหากฎหมายแพ็กเกจช่วยเหลือฉบับนี้ รวมถึงเงินช่วยเหลือ 600 ดอลลาร์สหรัฐที่จ่ายโดยตรงแก่ชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อยกว่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และต่ออายุโครงการให้เงินช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ว่างงาน 14 ล้านคน จากเดิมที่จะจ่ายเงินงวดสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ขยายออกไปอีก 11 สัปดาห์ และเพิ่มเงินให้อีกสัปดาห์ละ 300 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือนมีนาคมปีหน้า
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: