นักลงทุนจากโลกตะวันตกกำลังถอยห่างจากหุ้นบริษัทจีน ด้วยปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนทางนโยบายของทางการจีน โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตัวแทนจาก Man Group, Soros Fund Management และ Elliott Management ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มหุ้นจีนที่เทรดอยู่ในนิวยอร์กและเอเชีย
“เราจะไม่ลงเงินในหุ้นจีนในตอนนี้” ดอว์น ฟิตซ์แพทริก หัวหน้าฝ่ายลงทุนของ Soros Fund Management ระบุในงานสัมมนาออนไลน์ Bloomberg Invest
ฟิตซ์แพทริกคาดการณ์ว่า บริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในสหรัฐฯ หลายแห่งจะต้องย้ายไปฮ่องกงในเร็วๆ นี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ระบุชื่อบริษัท แต่เป็นที่รู้กันว่า Alibaba Group, JD.com และ DiDi Global คือบริษัทขนาดใหญ่ของจีนที่จดทะเบียนอยู่ในนิวยอร์ก โดยทั้งสามบริษัทนี้ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของรัฐบาลจีนที่มีนโยบายคุมเข้มบริษัทด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา
หุ้นของ Alibaba Group และ JD.com ปรับตัวลดลงไปแล้วอย่างน้อย 33% นับจากเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่หุ้นของ DiDi ก็ร่วงลงไปแล้วกว่า 47% นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน สอดคล้องกับดัชนี Shanghai Composite ในปีนี้ ที่ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.7% เปรียบเทียบกับดัชนี MSCI World ที่ปรับเพิ่มขึ้น 12%
มุมมองเชิงลบของนักลงทุนตะวันตกที่มีต่อหุ้นจีนเป็นผลมาจากคลื่นการดำเนินนโยบายต่อธุรกิจเอกชนของทางการจีนหลายระลอกในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งการสั่งสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในประเด็นการผูกขาดตลาด การตรวจสอบความมั่นคงทางไซเบอร์กับบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และการสั่งแบนธุรกิจสถาบันกวดวิชาแสวงหาผลกำไร ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุนจากความไม่แน่นอนทางนโยบายดังกล่าว
“ถ้าคุณลงทุนในตลาด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีมุมมองต่อจีน ซึ่งมุมมองของเราต่อจีนในตอนนี้คือจีนมีความน่าดึงดูดลดลงจากปีก่อน จากการดำเนินนโยบายต่างๆ ของทางการจีนต่อภาคเอกชน” ลุค เอลลิส ซีอีโอของ Man Group บริษัทเฮดจ์ฟันด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กล่าว
เอลลิสยังแนะนำให้นักลงทุนเตรียมความพร้อมสำหรับนโยบายที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ฉับพลันตลอดเวลาของจีน
อย่างไรก็ดี ผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่หลายคนก็ยังมองเห็นศักยภาพในระยะยาวของจีน เช่น จอน เกรย์ จาก Blackstone ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะยังเติบโตในอัตราที่สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว
“จีนมีวัฒนธรรมด้านการค้าขาย จีนยังมีรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร ซึ่งจากปัจจัยเหล่านี้ทำให้ในภาพรวมเศรษฐกิจจีนน่าจะยังไปได้ดี” เกรย์กล่าว
ด้าน โจนาธาน พอลล็อก ซีอีโอร่วมของ Elliott Management ชี้ว่าจีนยังมีโอกาสเติบโตในระยะยาว แม้ว่าการเข้าไปลงทุนด้วยเม็ดเงินขนาดใหญ่ในตอนนี้ยังเป็นเรื่องยาก
ขณะที่ พอล มาร์แชลล์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Marshall Wace บริษัทด้านการลงทุนที่มีสินทรัพย์อยู่ในการดูแลกว่า 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ แนะนำลูกค้าว่าบริษัทจดทะเบียนของจีนมีแนวโน้มจะถูกจำกัดให้อยู่ภายในประเทศมากขึ้น
“นักลงทุนในสหรัฐฯ และต่างประเทศจำนวนมากกังวลถึงผลกระทบจากการแทรกแซงของทางการจีน โดยเฉพาะกรณีการแบน DiDi หลัง IPO ในสหรัฐฯ ไม่นาน ทำให้เรามองว่าบริษัทจีนบางส่วนกำลังกลายเป็นธุรกิจที่ไม่สามารถลงทุนได้” มาร์แชลล์กล่าว
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP