เสียงระฆังดังหมดยกที่ 1 กับศึกดีเบตระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน กับ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวจากพรรคเดโมแครต ซึ่งจัดขึ้นบนสังเวียนเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ โดย คริส วอลเลซ ผู้ประกาศข่าวจากรายการ Fox News Sunday ของ Fox News ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
ตลอดเวลา 90 นาทีบนสังเวียนมหาวิทยาลัยเคสเวสเทิร์นรีเสิร์ฟ ผู้สมัครทั้งสองตอบโต้กันเรื่องอะไรบ้าง และผู้ชมยกให้ใครเป็นฝ่ายชนะ
THE STANDARD ถอดความและสรุปเนื้อหาบางส่วนจากประเด็นหลักในเวทีดีเบตครั้งนี้มาให้ได้อ่านกัน
การรับมือโควิด-19
ประเด็นโควิด-19 เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักของการดีเบตรอบนี้ ซึ่งทรัมป์ถูกกดดันจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความล้มเหลวในการรับมือวิกฤตโรคระบาด ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศพุ่งทะลุ 7 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 2 แสนราย
ทรัมป์กล่าวปกป้องมาตรการต่างๆ ที่เขาดำเนินการมาว่าช่วยป้องกันไม่ให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ขณะเดียวกันทรัมป์บอกด้วยว่าหากเป็นไบเดน อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้
ส่วนไบเดนถามผู้ชมว่าเชื่อในสิ่งที่ทรัมป์พูดหรือไม่ (ขณะที่โพลสำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการรับมือโควิด-19 ของทรัมป์)
ทรัมป์ยังพูดถึงงานชุมนุมหาเสียงของเขาที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมากว่าเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ เขาบอกว่าไบเดนจัดงานได้เล็กกว่า เพราะเขาไม่สามารถดึงดูดคนให้มาร่วมงานได้มากเท่าเขา
กรณีเลี่ยงภาษี
ประเด็นข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษีที่ทรัมป์ถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมากลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ชาวอเมริกันให้ความสนใจ ซึ่งวอลเลซตั้งคำถามทรัมป์ในเวทีดีเบตครั้งนี้ว่า “มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่คุณเสียภาษีเงินได้ 750 ดอลลาร์ในปีเหล่านั้น (2016 และ 2017)”
ทรัมป์ยืนกรานว่า “ผมเสียภาษีหลายล้านดอลลาร์ ผมจ่าย 38 ล้านดอลลาร์ในปีหนึ่ง และ 27 ล้านดอลลาร์ในปีหนึ่ง
ขณะที่ไบเดนท้าทรัมป์ให้เปิดเผยข้อมูลการเสียภาษีย้อนหลัง ซึ่งทรัมป์ตอบว่า “คุณจะได้เห็นเมื่อมันเสร็จแล้ว” (ทรัมป์พูดถึงการตรวจสอบบัญชีและการเสียภาษีที่ยังดำเนินการอยู่)
วอลเลซย้อนกลับมาถามทรัมป์ว่า “คุณจะบอกเราได้ไหมว่าคุณเสียภาษีเงินได้เท่าไรในปี 2016 และ 2017”
“หลายล้านดอลลาร์ครับ” ทรัมป์ตอบ “และคุณจะได้เห็นมัน”
ทรัมป์กล่าวด้วยว่าเพราะกฎหมายภาษีให้เครดิตภาษีแก่เขา พร้อมกล่าวหาว่าไบเดนผ่านร่างกฎหมายภาษีที่ให้ประโยชน์แก่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างเขา
ไบเดนตอบว่ามันคือกฎหมายปรับลดภาษีของทรัมป์ต่างหากที่เอื้อประโยชน์ต่อคนรวย ซึ่งไบเดนจะล้มเลิกกฎหมายเหล่านี้ และจัดสรรงบประมาณลงทุนให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือแทน
ปัญหาเศรษฐกิจ
กับคำถามเรื่องเศรษฐกิจ วอลเลซถามผู้สมัครทั้งสองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และแผนฟื้นฟูภายหลังการล็อกดาวน์จากโรคระบาดโควิด-19
ทรัมป์ยืนยันว่าหากเขาได้เป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเป็นรูปตัว V และย้ำว่าเขา ‘สร้างเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์’ (ก่อนเกิดโรคระบาด)
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ BBC เกี่ยวกับคำกล่าวอ้างที่ว่าทรัมป์สร้างเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ก่อนเกิดโรคระบาดนั้น พบว่าเป็นความจริงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากรัฐบาลของ บารัก โอบามา โดยเศรษฐกิจมีการเติบโต ขณะที่อัตราว่างงานลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ และชาวอเมริกันหลายล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน อย่างไรก็ตาม มีบางช่วงเวลาก่อนหน้านั้นที่เศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่านั้นมาก
ขณะที่ไบเดนวิจารณ์การจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจของทรัมป์
“เรามอบเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูให้กับเขา แต่เขาระเบิดทำลายมัน” ไบเดนกล่าว
แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบว่า “พวกเขาเคยบอกว่าต้องอาศัยปาฏิหาริย์เพื่อที่จะพลิกฟื้นภาคการผลิตขึ้นมาได้ แต่ผมสร้างงานกลับคืนมาได้ 7 แสนตำแหน่ง”
การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุด
ทรัมป์ระบุว่าเขามีสิทธิ์ที่จะแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่แทนที่บัลลังก์ของ รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ที่เสียชีวิต เพราะพรรคของเขามีอำนาจทางการเมือง
“เราชนะการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งก็มีผลลัพธ์” ทรัมป์กล่าวในเวทีดีเบต “เรามีวุฒิสภา (สภาสูง) เรามีทำเนียบขาว และเรามีผู้ได้รับการเสนอชื่อที่ยอดเยี่ยม (เอมี โคนีย์ บาร์เรตต์)”
แต่ในปี 2016 บารัก โอบามา ประธานาธิบดีในตอนนั้นพยายามที่จะแต่งตั้งผู้พิพากษาที่เขาเสนอ แต่ถูกวุฒิสภาที่มีสมาชิกรีพับลิกันครองเสียงข้างมากปฏิเสธ
ขณะที่ไบเดนระบุว่าชาวอเมริกันมีสิทธิ์ที่จะพูดในครั้งนี้ เหมือนกับที่พวกเขาเคยทำในปี 2016
“พวกเขาจะไม่ได้รับโอกาสนั้นในตอนนี้ เพราะพวกเราอยู่ในระหว่างการเลือกตั้งแล้ว เราควรรอดูผลการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะเป็นอย่างไร” ไบเดนกล่าว
การประท้วงและกระแส Black Lives Matter
วอลเลซถามไบเดนเกี่ยวกับเหตุประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการประท้วงต่อเนื่อง 100 วันในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน จากกระแส Black Lives Matter ซึ่งหลายพื้นที่บานปลายกลายเป็นเหตุรุนแรง
“ในฐานะตัวแทนที่ได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคเดโมแครต คุณเคยโทรหานายกเทศมนตรีเมืองพอร์ตแลนด์หรือผู้ว่าการรัฐออริกอนซึ่งเป็นสมาชิกเดโมแครตให้ยุติเหตุรุนแรงเหล่านี้หรือไม่” วอลเลซถาม
ไบเดนตอบว่า “ผมไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในตอนนี้” แต่เขายอมรับว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงควรถูกดำเนินคดี
หัวข้อนี้สำคัญต่ออดีตรองประธานาธิบดีไบเดนมาก เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยประกาศต่อผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนว่าเขาเป็นตัวเลือกผู้สมัครเพียงคนเดียวสำหรับผู้ที่ต้องการให้รักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยในประเทศ
ความสมบูรณ์ของการเลือกตั้ง
เป็น 1 ใน 6 หัวข้อหลักของเวทีดีเบตรอบนี้ ทรัมป์พูดถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ว่าอาจเกิดการทุจริตในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สืบเนื่องจากการเปิดทางให้ลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์มากขึ้นจากสถานการณ์โรคระบาด เขายังยกตัวอย่างกรณีการทุจริตเลือกตั้งในนอร์ทแคโรไลนาและนิวเจอร์ซีย์
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาหลายชิ้นยังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการโกงการเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง ขณะที่ผลการศึกษาของศูนย์ยุติธรรมเบรนแนนในปี 2017 ระบุว่าอัตราการทุจริตเลือกตั้งในสหรัฐฯ อยู่ในช่วงระหว่าง 0.00004-0.0009%
ใครชนะในศึกดีเบตยกแรก
โพลสำรวจความเห็นผู้ชมการดีเบตโดย CBS News ยกให้ไบเดนเป็นผู้ชนะ หลังการดีเบตกับทรัมป์นาน 90 นาที
โดยผู้ชม 48% ยกให้ไบเดนชนะ ขณะที่ 41% ให้ทรัมป์ชนะ และ 10% มองว่าทั้งคู่เสมอกัน
แต่นักวิจารณ์หลายคนมองว่าหลังจากค่ำคืนที่ผ่านมา ผู้แพ้อย่างแท้จริงคือสหรัฐฯ และชาวอเมริกัน ซึ่งโพลก็เห็นสอดคล้องกัน โดย 69% ของผู้ชมรู้สึกรำคาญ ขณะที่ 19% มองในแง่ลบ มีเพียง 31% ที่รู้สึกว่าได้รับความบันเทิง และเพียง 17% ที่ระบุว่าได้รับข้อมูลที่ต้องการ
‘ดีเบตที่แย่มาก’
บทวิเคราะห์ของ คริส ซิลลิซซา บรรณาธิการใหญ่ CNN พาดหัวบนเว็บไซต์ตัวโตๆ ว่า ‘ดีเบตที่แย่มาก’ เพราะมองว่าไม่ได้ช่วยเพิ่มคะแนนนิยมให้ผู้สมัครอย่างที่ควรจะเป็น
สำหรับทรัมป์แล้ว เขาจำเป็นต้องอาศัยเวทีนี้เพื่อพลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรองไบเดนมาตลอด เพราะถ้าทรัมป์ทำไม่สำเร็จ นั่นหมายความว่าเขาอาจพ่ายแพ้ไบเดนในการเลือกตั้งหนนี้ และอาจถึงขั้นแพ้ยับเยินด้วย แต่ซิลลิซซามองว่าการดีเบต 90 นาทีไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แม้ทรัมป์ดูเป็นฝ่ายที่ควบคุมการดีเบตได้มากกว่าไบเดนก็ตาม แต่นั่นเป็นเพราะเขาพยายามขัดจังหวะไบเดนและวอลเลซซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการอยู่ตลอดเวลา
สำหรับไบเดน ซิลลิซซามองว่าเขาเริ่มต้นได้ช้า และคำตอบของเขาเกี่ยวกับคำถามว่าทำไมไม่ควรแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดที่ว่างอยู่ก่อนหน้าการเลือกตั้งนั้นก็มีลักษณะที่วกวนและค่อนข้างแย่ ทั้งที่ไบเดนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาต้องถูกถามคำถามนี้แน่ แต่ไบเดนทำได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งทาง โดยเฉพาะที่เขาวิจารณ์ทรัมป์ว่าจัดการกับโควิด-19 อย่างไม่ถูกต้องจนทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตจำนวนมาก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: