×

‘กอบศักดิ์’ เตือน ศก.สหรัฐฯ ส่งสัญญาณเข้าสู่ Recession ในอีก 12-24 เดือน หลังเกิดภาวะ Inverted Yield Curve รอบสอง

14.06.2022
  • LOADING...
กอบศักดิ์ ภูตระกูล

‘กอบศักดิ์’ เตือนเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12-24 เดือนข้างหน้า หลังดอกเบี้ยพันธบัตรเริ่มเข้าสู่ภาวะ Inverted Yield Curve เป็นรอบที่สอง หวั่นจุดชนวนวิกฤตใน Emerging Markets หลายประเทศ กระทบคนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก

 

กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ตลาดพันธบัตรสหรัฐปั่นป่วนหนัก’ โดยระบุว่า ขณะนี้ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้น ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้นที่ระเนระนาด ตลาดพันธบัตรก็ถูกกระทบหนักเช่นกัน 

 

ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 3 วัน ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ 2 ปี เพิ่มขึ้น +0.58% สูงสุดในรอบ 14 ปี เป็น 3.354% รับกับดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ในอายุอื่นๆ ที่พุ่งขึ้นเช่นกัน นำมาซึ่งความเสียหายกับผู้ที่ได้ลงทุนในกองพันธบัตรสหรัฐฯ ต่างๆ

 

ยิ่งไปกว่านั้น ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะสั้น เช่น 2 ปี ได้เริ่มพุ่งไปอยู่ระดับที่สูงกว่าดอกเบี้ยระยะยาว 10 ปี และ 30 ปี ทำให้เริ่มเข้าสู่ภาวะ Inverted Yield Curve เป็นรอบที่สองของปี สะท้อนสัญญาณว่าจะมี Recession ในอนาคต 12-24 เดือนข้างหน้า

 

ภาวะเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดคิดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องขึ้นดอกเบี้ยไปจัดการปัญหาระยะสั้น และนำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ซบเซาหรือถดถอย (Recession) จนท้ายที่สุด Fed ต้องลงดอกเบี้ยมาในระยะยาวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง

 

ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มิถุนายน) ว่า เงินเฟ้อที่คิดกันว่าผ่านจุดสูงสุดแล้ว ยังสามารถสูงขึ้นได้อีก Inflation is alive and well ดื้อยากว่าที่คิด ซึ่งมีนัยต่อไปกับการประชุมของ Fed ในคืนวันอังคารและคืนวันพุธ (14-15 มิถุนายน) ว่ากรรมการจะตัดสินใจอย่างไร แต่ที่แน่ๆ สูตรยาโดยรวมจะต้องแรงขึ้น

 

โดยตลาดคิดว่าจะต้องเพิ่มไปอีกอย่างน้อย 0.50% จากแนวทางเดิมที่ประธาน Fed เคยประกาศไว้เมื่อการประชุมครั้งที่แล้ว เพียงแค่ว่าจะเป็นแบบทำเลย หรือ Front Load คือ ขึ้น +0.75% ในรอบนี้เลย หรือค่อยเป็นค่อยไป คือยังขึ้น +0.5% ในรอบนี้ และประกาศว่าจะขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีไปอีก 3-4 ครั้ง ปรับเพิ่มจากแนวทางเดิมที่เหลืออยู่อีก 1-2 ครั้งเท่านั้น

 

ซึ่งการประชุม Fed ที่จะถึงนี้ จะมีเรื่องให้ติดตาม 4 เรื่อง

 

  1. การตัดสินใจครั้งนี้ว่าขึ้นเท่าไร

 

  1. Dot Plot ว่าจะไปจบที่ตรงไหน จะไปทะลุ 4% หรือไม่

 

  1. ประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด โดยเฉพาะแนวโน้มเงินเฟ้อว่าต่างจากเดิมแค่ไหน เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะซบเซาลงแค่ไหน จะเข้าใกล้หรือเป็น Recession หรือไม่

 

  1. ที่สำคัญที่สุดคือการแถลงและตอบคำถามของประธาน Fed ที่แสนจะเดายากว่าจะหลุดปากอะไร และเมื่อพูดแล้วตลาดจะเหวี่ยงไปทางไหน

 

และทุกคนอยากรู้ว่าประธาน Fed จะพูดอะไรเพิ่มนอกจากแผ่นเสียงที่ตกร่องว่า 

 

“Inflation is much too high” เงินเฟ้อสูงเกินไป

 

“Restoring price stability is essential” การดูแลให้ราคากลับมามีเสถียรภาพเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง

 

“Fed พร้อมทำทุกอย่างที่จะสู้ไม่ให้เงินเฟ้อฝังรากลึก”

 

“Fed พร้อมขึ้นดอกเบี้ยไปจนเงินเฟ้อลดลงมา”

 

แต่ที่แน่ๆ คำถามของนักข่าวและสังคมต่อประธาน Fed จะเริ่มร้อนแรงขึ้นจากนี้ต่อไป เพราะท่านคือแม่ทัพที่บัญชาการศึกสู้เงินเฟ้อ แต่กำลังเอาเงินเฟ้อไม่อยู่ สุดท้ายอาจจะต้องจำใจงัดยาแรง ใช้ขีปนาวุธสุดท้าย ก็คือทำให้เกิด Recession เพื่อให้เงินเฟ้อลงมา

 

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า คนนับสิบล้านที่จะต้องตกงาน สูญเสียบ้าน มีปัญหาครอบครัว บริษัทหลายแสนแห่งที่จะต้องปิดกิจการ ไม่นับ Emerging Markets อีกหลายประเทศที่จะเกิดวิกฤต กระทบคนไปอีกหลายร้อยล้านคนทั่วโลก

 

ทั้งหมดมาจาก ‘Fed ที่พลาดแล้วพลาดอีก’ จนนำไปสู่ความเสียหายดังกล่าว

 

มาลุ้นกันว่าอีก 2 คืน Fed จะตัดสินใจอย่างไร ตลาดจะเหวี่ยงแค่ไหน ทั้งหุ้น พันธบัตร ค่าเงินประเทศต่างๆ เพราะโค้งนี้คือโค้งสำคัญที่เดิมพันคือความเป็นอยู่ของทุกคน

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X