×

กำแพงสูงหรือการต่อรอง: นโยบายควบคุมการส่งออกชิปสหรัฐฯ จากไบเดนสู่ทรัมป์

23.09.2025
  • LOADING...
us-china-chip-war-biden-trump

ชิปคือเส้นเลือดใหญ่ของยุคดิจิทัล ทุกการคำนวณ ทุกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ ทุกระบบอาวุธอัจฉริยะ ล้วนต้องอาศัยชิป เมื่อสหรัฐฯ เลือกจะควบคุมการส่งออกชิปไปยังจีน ก็เท่ากับเลือกจะกดดันคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ทำให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้ช้าลงและหวังให้ช่องว่างทางเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทิ้งระยะกว้างขึ้น 

 

การควบคุมนี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องการค้า แต่คือการกำหนดอนาคตของสมรภูมิการแข่งขันเทคโนโลยีว่าใครกันแน่จะเป็นผู้กุมชะตาเทคโนโลยีโลก 

 

แม้ไบเดนและทรัมป์จะมีนโยบายการควบคุมชิป แต่นโยบายยุคไบเดนมีความเข้มข้นและหนักกว่าของทรัมป์มาก นโยบายเรื่องนี้ของไบเดนมีลักษณะเป็นการตั้งกำแพงสูงชนิดยอมไม่ได้ แต่ทรัมป์มองว่าการควบคุมชิปเป็นเรื่องที่เอามาเป็นไพ่เจรจาต่อรองได้และพร้อมผ่อนคลายกฎเกณฑ์หากสอดคล้องกับผลประโยชน์

 

ปี 2565 เป็นจุดเริ่มต้นที่รัฐบาลไบเดนตัดสินใจห้ามส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงไปยังจีน หลายคนมองว่าเป็นการประกาศสงครามทางเทคโนโลยีอย่างชัดเจนที่สุดต่อจีน และทำให้จีนเห็นว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศยากที่จะหวนกลับคืนสู่อดีต เพราะบัดนี้กลายเป็นสงครามเทคโนโลยีที่จะตัดสินว่าใครเป็นมหาอำนาจหลักต่อไปของโลก

 

ไบเดนและทีมงานเชื่อว่า หากปล่อยให้จีนพัฒนา AI ได้เร็วเกินไป เท่ากับปล่อยให้คู่แข่งมีอาวุธยุคใหม่ในมือ เพราะ AI ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ตอบคำถาม แต่คือสมองของระบบอาวุธ การข่าวกรอง และการควบคุมสังคมสมัยใหม่อีกด้วย การควบคุมชิปจึงเปรียบได้กับการตัดเส้นเลือดไม่ให้ไปเลี้ยงสมองของอีกฝ่าย

 

ยุทธศาสตร์ไบเดนถูกสรุปด้วยวลี “สนามเล็ก แต่รั้วสูงมาก” (“small yard, high fence”) ไบเดนย้ำว่าเขาจะจำกัดจีนไม่ให้เข้าถึงเฉพาะเทคโนโลยีหัวใจสำคัญไม่กี่อย่าง โดยจะใช้มาตรการที่เข้มงวดที่สุดกับเทคโนโลยีเหล่านี้ แต่นอกเหนือจากนั้นสำหรับเทคโนโลยีอื่นๆ ส่วนใหญ่ทั่วไปสหรัฐฯ ยังคงยินดีจะค้าขายและร่วมมือทางเทคโนโลยีกับจีนเช่นเดิม 

 

ตัวอย่างเช่น รัฐบาลไบเดนบังคับให้บริษัท Nvidia ต้องขออนุญาตก่อนส่งออกชิปรุ่น A100 และ H100 และขยายเขตอำนาจของสหรัฐฯ ผ่านกฎ FDPR ไปครอบคลุมโรงงานในต่างประเทศที่ใช้ชิ้นส่วนหรือ know-how ของสหรัฐฯ และบังคับให้โรงงานเหล่านั้นจำกัดการขายชิปให้แก่จีนด้วย

 

พันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์แม้จะลังเลในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าร่วมขบวนการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีไปยังจีน ที่สำคัญ นโยบายไบเดนมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดช่องทางเลี่ยงต่างๆ ในปี 2566 ชิปดัดแปลงอย่าง A800 และ H800 ถูกห้ามขาย และในปี 2568 รัฐบาลไบเดนก่อนหมดวาระไม่นานยังได้ออกกฎ “AI diffusion” เพื่อครอบคลุมการซื้อขายชิป AI ทั่วโลก เปรียบเสมือนการสร้างแนวป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่ให้ศัตรูมีช่องทางทะลุทะลวง

 

แต่พอมาถึงยุครัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่สองในปีนี้ ภาพก็กลับตาลปัตร จากกำแพงสูง กลายเป็นไพ่ต่อรองบนโต๊ะเจรจา นโยบายควบคุมชิปกลายเป็นธุรกรรมการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการค้าและธุรกิจ เพราะทรัมป์เป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักอุดมการณ์ 

 

ตัวอย่างที่ชัดคือ รัฐบาลทรัมป์ตกลงที่จะยกเลิกการห้ามขายชิป H20 ของ Nvidia ให้จีน แลกกับการเรียกเก็บส่วนแบ่ง 15% จากรายได้การขายของ Nvidia รัฐบาลทรัมป์อ้างเหตุผลเดียวกับที่บริษัท Nvidia ให้ว่านี่เป็นชิปชั้นสามชั้นสี่ ห่างไกลมากจากชิปที่ดีที่สุด ซึ่งของดีที่สุดยังไงก็ไม่ขายให้กับจีนอยู่แล้ว

 

แต่หาก Nvidia ไม่ได้รับอนุญาตให้ขายชิปเกรดล่างลงมาอย่างชิป H20 ให้จีน แม้จะเป็นการบีบคอให้จีนเจ็บหนักและคงจะชะลอการพัฒนาด้าน AI ของจีนไปได้มาก แต่ก็อาจส่งผลร้ายในระยะยาวคือจีนก็จะหันมาพยายามวิจัยและพัฒนาผลิตชิปด้วยตัวเองให้สำเร็จให้ได้ ดังนั้น สหรัฐฯ จึงควรปล่อยของชั้นล่างให้จีนใช้และให้จีนพึ่งพาสหรัฐฯ ต่อไป

 

ที่สำคัญ นี่เป็นแหล่งรายได้ก้อนมหึมาของ Nvidia ซึ่งตลาดจีนเป็นตลาดที่สำคัญและใหญ่โตมากของบริษัท และหากสูญเสียรายได้ก้อนนี้ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อแหล่งเงินทุนที่จะไหลกลับมาลงทุนในการทำการวิจัยและพัฒนาชิปรุ่นต่อๆ ไปอีกในอนาคต 

 

นอกจากนั้น รัฐบาลทรัมป์ยังฉีกกฎ “AI diffusion” ของรัฐบาลไบเดนทิ้ง ต่อมารัฐบาลทรัมป์ยกเลิกการห้ามส่งออกซอฟแวร์ดีไซน์ชิปให้จีน หลังจากที่จีนตกลงกลับมาขายแร่หายากให้สหรัฐฯ มีคนเปรียบเทียบว่าการควบคุมที่เคยเป็นกลไกความมั่นคงถูกใช้เหมือนชิปโป๊กเกอร์ วางบนโต๊ะเพื่อแลกกับทรัพยากรที่ขาดแคลน

 

ขณะนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดที่ทุกคนกำลังจับตามอง คือ การตัดสินใจของทรัมป์เกี่ยวกับชิป B300 รุ่นใหม่ล่าสุดของ Nvidia ซึ่ง Nvidia ต้องการที่จะขายชิปรุ่นใหม่นี้ให้กับตลาดจีนด้วย โดยชิปที่ขายให้ตลาดจีนจะถูกลดประสิทธิภาพลง 30–50% ทรัมป์ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ แต่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาพร้อมที่จะพิจารณาข้อเสนอนี้ของ Nvidia หากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับประโยชน์สมน้ำสมเนื้ออย่างเหมาะสม

 

แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชี้ว่า ชิป B300 ที่ลดประสิทธิภาพลง 30-50% ก็ยังมีพลังการประมวลผลเหนือกว่าชิป H100 ที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลไบเดนมีการจำกัดการส่งออกชิป H100 ไปยังจีนอย่างเข้มงวด หลายคนจึงชี้ว่าหากทรัมป์ยอมตามข้อเสนอของ Nvidia ในเรื่องนี้ จะเสมือนการเปิดประตูเมืองที่เคยปิดตายไว้ ไม่ต่างจากการรื้อกำแพงที่ไบเดนสร้างขึ้นมาทั้งหมด 

 

ในทางยุทธศาสตร์ นี่จะเป็นการคืน “กุญแจสำคัญ” ให้จีนในการเร่งพัฒนา AI ซึ่งจะมีผลยาวนานต่อความสมดุลของอำนาจโลกได้เลย

ภาพ: Maderla via ShutterStock

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising