ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ ไฟเขียวให้ทรัมป์ใช้มาตรการภาษี Liberation Day พร้อมเผยภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจมีผลบังคับใช้ต่อไปอีกนาน จนกว่าศาลจะนัดพิจารณาคดี 31 ก.ค.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ (US Court of Appeals for the Federal Circuit) มีคำสั่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อนุญาตให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าทั่วโลก (Global Tariffs) ต่อไปได้เป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวก็เพื่อขยายระยะเวลาการผ่อนผันก่อนหน้านี้ให้กับฝ่ายบริหาร ในขณะที่คดีนั้นยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คำตัดสินของศาลล่างเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งได้ตัดสินให้ยกเลิกมาตรการเก็บภาษีดังกล่าว
โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แย้งว่า มาตรการนี้ยังมีความจำเป็นในการเจรจาการค้า และมีความสำคัญมากกว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ แม้ภาคธุรกิจขนาดเล็กกำลังยื่นฟ้องร้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิด 5 ข้อเสนอที่ขุนคลังสหรัฐฯ เอ่ยปากชมไทย เผยเบื้องหลังกุนซือทีมไทยแลนด์…
- สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ชื่นชมไทย อินโดนีเซีย ไต้หวัน ยื่นข้อเสนอดีเยี่ยม
- ปลัดพลังงาน-ปตท. เยือนสหรัฐฯ ลุยเจรจานำเข้าก๊าซแหล่ง Alaska LNG 3-5 ล้านตันต่อปี
ทั้งนี้ ศาลจัดให้คดีนี้อยู่ในกระบวนการเร่งด่วน โดยให้เหตุผลว่าเป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ พร้อมนัดพิจารณาคดีในวันที่ 31 กรกฎาคม
อย่างไรก็ตาม ศาลไม่ได้อธิบายเหตุผลอย่างละเอียดในการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ระบุว่าฝ่ายรัฐบาลได้แสดงหลักฐานเพียงพอว่าการระงับคำสั่งของศาลล่างไว้ชั่วคราวนั้น “เหมาะสม” แล้ว และไม่มีผู้พิพากษาเห็นแย้งแต่อย่างใด
ฟากฝั่งภาคธุรกิจ อย่างบริษัทผู้นำเข้าไวน์ในนิวยอร์ก V.O.S. Selections, Inc. และบริษัทอื่นๆ ระบุว่า มาตรการภาษีดังกล่าวจะกระทบต่อต้นทุนสูงขึ้น ยอดขายลดลง และอาจทำให้บริษัทเข้าขั้นล้มละลาย
ขณะที่ฝ่ายบริหารแย้งว่าการยับยั้งมาตรการภาษีจะกระทบต่อการทูตของสหรัฐฯ และล่วงละเมิดอำนาจประธานาธิบดีในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ นอกจากนี้ ฝั่งพรรคเดโมแครตจำนวน 12 มลรัฐ เข้าร่วมฟ้องร้องรัฐบาลในประเด็นนี้ด้วย
ทั้งนี้ คำตัดสินดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างคณะเจรจาของสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้า โดยตัวแทนของสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกประกาศข้อตกลงดังกล่าวในวันที่สองของการเจรจาในกรุงลอนดอนเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม
ทรัมป์อธิบายว่า ภาษีศุลกากรมีความสำคัญต่อการปรับสมดุลระหว่างธุรกิจและแรงงานของสหรัฐฯ ท่ามกลางการขาดดุลการค้าที่ยืดเยื้อมานาน
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ของ JPMorgan ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากไม่เก็บภาษีนำเข้าใหม่เพิ่มเติม อัตราภาษีศุลกากรที่มีผลบังคับใช้สำหรับสินค้าของประเทศจะลดลงจาก 13-14% เหลือ 5% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงกว่าระดับในปี 2024 ประมาณสองเท่าอยู่ดี
“คำสั่งล่าสุดยิ่งสร้างความกังวลต่อภาคธุรกิจ เกี่ยวกับแผนการลงทุนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นมาตรการที่ทรัมป์ได้กำหนด ระงับ เพิ่ม และลดภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงซึ่งสร้างความปั่นป่วน นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งทำให้ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคต้องดิ้นรนเพื่อตัดสินใจว่าวางแผนนำเข้าสินค้าเข้ามาในประเทศในช่วงเวลาไหน จะมีราคาเท่าไร ในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนข้างหน้า”
แม้ทรัมป์เรียกร้องให้ธุรกิจหันมาตั้งฐานผลิตในสหรัฐฯ จ้างงานชาวอเมริกันมากขึ้นตามนโยบาย และเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่ประกาศไว้ แต่สำหรับภาคธุรกิจไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เวลาและเงินลงทุน ซึ่งค่อนข้างใช้เวลานานหลายปี และต้องใช้เงินหลายล้านหรือหลายพันล้านดอลลาร์
ภาพ: Anna Moneymaker / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-06-11/trump-tariffs-can-stay-in-place-longer-us-appeals-court-says
- https://edition.cnn.com/2025/06/10/business/tariffs-appeals-court-stay-trump?fbclid=IwY2xjawK1vg9leHRuA2FlbQIxMABicmlkETFHUkg5Y0RWNllGdEhDaW82AR74j7vtmxprENcat6XYLrF7SvEr3bCrcOMYrfEKRADfjF0gJFF9Yqzly0yjuw_aem_cqqfAgZFqwznwDPE-9J24g