รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจส่งทหารไปประจำการในตะวันออกกลางเพิ่มประมาณ 1,000 นาย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นในภูมิภาคดังกล่าว สืบเนื่องจากเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในอ่าวโอมาน ซึ่งสหรัฐฯ มีหลักฐานชี้ชัดว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลัง
แพทริก ชานาฮาน รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า การส่งทหารไปตะวันออกกลางเพิ่มเติมครั้งนี้ ‘มีจุดประสงค์ในเชิงตั้งรับ’ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากอิหร่านทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก
ชานาฮาน กล่าวว่า “การโจมตีระลอกหลังของอิหร่านเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความน่าเชื่อถือของข่าวกรองที่เราได้รับเกี่ยวกับพฤติการณ์อันเป็นปรปักษ์ของกองทัพ และกลุ่มตัวแทนของอิหร่านที่สร้างภัยคุกคามต่อบุคลากร และผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคดังกล่าว”
อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับอิหร่าน และชี้แจงว่าการส่งทหารไปประจำการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อรับประกันความปลอดภัย และสวัสดิภาพของบุคลากรกองทัพที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเกิดเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในบริเวณใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสหรัฐฯ ได้แสดงหลักฐานเป็นภาพวิดีโอขณะทหารเรืออิหร่านพยายามนำทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิดออกจากเรือขนส่งน้ำมันลำหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการปกปิดหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม อิหร่านยืนกรานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่าได้ส่งทหารไปช่วยดับไฟและช่วยเหลือลูกเรือจำนวน 44 คน หลังเรือทั้งสองลำซึ่งบรรทุกวัตถุไวไฟเกิดไฟลุกไหม้กลางทะเล
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: