เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เดินทางเยือนจีนและเตรียมเข้าพบประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนในวันนี้ (6 เมษายน) ตามเวลาท้องถิ่น หวังหารือเกี่ยวกับวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงยกระดับความสัมพันธ์ทางด้านการค้าระหว่างยุโรปและจีน
โดยมาครงและฟอน แดร์ ไลเอิน เป็นผู้นำยุโรปสองคนล่าสุดที่ตัดสินใจเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และ เปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ก็เพิ่งจะเดินทางเข้าพบสีจิ้นผิงเช่นเดียวกันในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตถึงท่าทีของ ฟอน แดร์ ไลเอิน เนื่องจากไม่กี่วันก่อนที่จะเริ่มเดินทาง เธอวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของผู้นำจีนที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งอ้างถึงแนวทางสันติภาพทั้ง 12 ข้อของทางการจีน ที่เธอมองว่าแนวทางที่ยอมรับการผนวกรวมดินแดนของรัสเซียถือเป็นแนวทางที่เป็นไปไม่ได้และใช้ไม่ได้ผล
โดยเธอยังสนับสนุนแนวทางใน ‘การลดความเสี่ยง’ (De-risking) สนับสนุนแนวทางของสหรัฐฯ ที่รักษาระยะห่างจากจีน พร้อมทั้งชี้ว่าประเทศในยุโรปจะเข้มงวดด้านมาตรการทางการทูต การกระจายแหล่งการซื้อขายสินค้า และปกป้องการค้าและเทคโนโลยีของตนมากยิ่งขึ้น
ทางด้าน ดร.แอนดรูว์ สมอลล์ สมาชิกกลุ่มนักคิด German Marshall Fund ชี้ว่า การเดินทางเยือนของผู้นำยุโรปในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนที่แตกต่างกันพอสมควรของบรรดาชาติยุโรปที่มีต่อจีน พร้อมทั้งอธิบายว่า “หนึ่งคือ จีนสนับสนุนปูตินในการทำสงคราม โดยเฉพาะการส่งมอบอาวุธสังหาร สิ่งที่พวกเขาพยายามจะสื่อสารก็คือ อย่างน้อยที่สุดการกระทำนี้จะทำลายความสัมพันธ์ทั้งหมดที่มีต่อยุโรป แต่ในขณะเดียวกัน มาครง รวมถึงผู้นำยุโรปคนอื่นๆ เองก็ยังฉายภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า มีความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะอยู่ในช่วงเวลาเช่นนี้ ยุโรปและฝรั่งเศสยังคงต้องการทำธุรกิจต่อไป”
สิ่งนี้ทำให้หลายประเทศในยุโรป รวมถึงสหรัฐอเมริกา ตั้งคำถามถึงจุดยืนที่แน่ชัดของมาครงและฟอน แดร์ ไลเอิน รวมถึงเฝ้าติดตามผลลัพธ์ของการเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
ขณะที่ผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ อย่าง แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ได้เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ หลังทริปเยือนจีนถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากวิกฤตบอลลูนสอดแนมที่ถูกกองทัพสหรัฐฯ ยิงตกเมื่อช่วงต้นปี 2023
ทางด้าน ดร.อู๋เฉียง ที่ปรึกษาอิสระทางด้านการเมืองชี้ว่า มาครงเชิญฟอน แดร์ ไลเอิน ให้เข้าร่วมทริปเดินทางเยือนจีนทันทีที่สีจิ้นผิงพบกับปูตินเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างจีนและรัสเซีย นั่นหมายความว่าการเดินทางเยือนจีนของเขาในครั้งนี้อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างจากการเดินทางเยือนรัสเซีย เพื่อร่วมหารือกับปูตินในทริปก่อนหน้านี้ที่ไร้ผลอย่างมาก โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ร่วมยุติสงครามรัสเซียที่ดำเนินมานานกว่า 1 ปีกว่าแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนพยายามเพิ่มบทบาทในฐานะผู้รักษาสันติภาพโลก ช่วยเป็นผู้ไกล่เกลี่ยและฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน โดย รูเบน หว่อง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ ผู้ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเอเชีย-ยุโรป ประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ แสดงความเห็นว่า เมื่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนจบลง จีนเองก็ต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งบนโต๊ะเจรจานั้นในฐานะผู้รักษาสันติภาพ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ทางด้านการทูตของจีนในประชาคมโลกให้มากยิ่งขึ้น อาจต้องเฝ้าติดตามว่าจีนจะเข้ามามีส่วนในการคลี่คลายความขัดแย้งในสงครามครั้งนี้ได้หรือไม่ อย่างไร
ภาพ: Ludovic Marin / AFP
อ้างอิง:
