×

‘UOB’ คาดกระบวนการควบรวมธุรกิจพอร์ตรายย่อย Citigroup ในไทยเสร็จกลางปีนี้ ยืนยันไม่มีแผนปลดพนักงาน

14.01.2022
  • LOADING...
UOB

UOB ประกาศเข้าซื้อธุรกิจรายย่อยของ Citigroup ในไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม 4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ด้วยพรีเมียม 915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพิ่มฐานลูกค้าเป็น 5.3 ล้านราย ใหญ่สุดในภูมิภาค มั่นใจธุรกิจรายย่อยในไทยมีศักยภาพเติบโต เผยให้พรีเมียมประเทศไทยสูงสุด คาดกระบวนการควบรวมธุรกิจในไทยแล้วเสร็จครึ่งแรกของปี 2566 ระบุไม่มีแผนลดคน พร้อมรับโอนพนักงาน Citibank ทั้ง 5,000 คน

 

วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร UOB กล่าวว่า  กลุ่ม UOB ได้ทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของ Citigroup มีสินทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และฐานลูกค้าราว 2.4 ล้านราย ซึ่งมีทั้งสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจเงินฝากรายย่อย ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม โดยมูลค่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะคำนวณจากค่าพรีเมียมรวม ซึ่งเทียบเท่ากับ 915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ บวกกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของธุรกิจลูกค้ารายย่อยเมื่อการโอนย้ายกิจการเสร็จสมบูรณ์

 

ทั้งนี้ ธนาคาร UOB จะใช้ทุนส่วนเกินของธนาคารเพื่อการเสนอซื้อกิจการครั้งนี้ ซึ่งจะกระทบต่ออัตราส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (CET1) ของธนาคารให้ลดลง 0.7% มาอยู่ที่ 12.8% ตามสถานะเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 แต่ถือว่ากระทบเงินกองทุนไม่มาก และยังอยู่ในระดับที่ทางการกำหนด ขณะเดียวกันการซื้อกิจการนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของธนาคาร และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของธนาคาร UOB ได้ทันที

 

วี อี เชียง ยังกล่าวว่า การเสนอซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และขยายขอบเขตธุรกิจของธนาคาร UOB ในอาเซียน ทั้งในแง่ของการขยายเครือข่ายพันธมิตรของ UOB และเพิ่มขนาดธุรกิจลูกค้ารายย่อยในทั้งสี่ประเทศขึ้นเป็นสองเท่า หรือแตะระดับ 5.3 ล้านราย และทำให้ธนาคารมีฐานลูกค้ารายย่อยใหญ่สุดในภูมิภาค

 

การเข้าซื้อกิจการในแต่ละประเทศจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศสิงคโปร์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 ถึงต้นปี 2567 ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าและผลของกระบวนการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร โดยในส่วนของประเทศไทยคาดว่าจะควบรวมแล้วเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 

 

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีโอกาสในการเติบโตสูงมาก ขณะที่คุณภาพสินเชื่ออยู่ในระดับที่ดี ซึ่งพรีเมียมที่ UOB จ่ายสำหรับการซื้อกิจการครั้งนี้มีสัดส่วนหลักมาจากตลาดไทย ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนสูงสุด โดยมองว่าประเทศไทยจะสร้างผลประกอบการที่ดีให้ได้ 

 

ทั้งนี้ กลยุทธ์ธุรกิจรายย่อยของธนาคาร UOB คือการขยายกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การรุกกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่าน UOB TMRW แพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคาร และให้บริการด้านการเงินผ่านช่องทางที่หลากหลาย (Omni-Channel) โดยยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนธุรกิจยังมาจากธุรกิจบัตรเครดิต โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่จะทำให้เกิดการขายข้ามผลิตภัณฑ์ (Cross Sale) ทั้งสินเชื่อที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน รวมถึงการขยายฐานลูกค้าเงินฝากไปยังสินเชื่อบ้านมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามธนาคารไม่มีแผนที่จะลดคน ในส่วนของพนักงานของ Citigroup ในธุรกิจลูกค้ารายย่อยที่มีประมาณ 5,000 คน จะโอนเข้ามาร่วมงานกับธนาคาร UOB ทั้งหมด


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising