เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 ตุลาคม) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เปิดเผยรายงานว่า เกาหลีเหนือเตรียมการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว โดยระบุว่าเกาหลีเหนือได้ขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดินและทำการทดสอบอุปกรณ์สำหรับจุดชนวน อีกทั้งยังขยายขีดความสามารถในด้านการผลิตวัสดุฟิสไซล์ (Fissile Material) ที่สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ต่อเนื่องได้อีกด้วย
UNSC ตั้งข้อสังเกตว่า ในเดือนมีนาคมปีนี้ เกาหลีเหนือได้เริ่มขุดเจาะอุโมงค์อีกครั้งในส่วนทางเข้าอุโมงค์ที่ 3 ณ ฐานทดสอบนิวเคลียร์ปุงกเยรี และสร้างอาคารสนับสนุนขึ้นใหม่ หลังจากที่ถูกรื้อถอนเมื่อเดือนพฤษภาคม 2018
รายงานระบุว่า “การทำงานที่ฐานทดสอบนิวเคลียร์ปุงกเยรี เป็นการปูทางสู่การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่ เพื่อเดินหน้าสู่การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป” ซึ่งหากเกาหลีเหนือดำเนินการดังกล่าวจริง ก็จะถือเป็นการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 7 ของประเทศ
อนึ่ง เกาหลีเหนือได้ยกระดับการยั่วยุในภูมิภาค ด้วยการยิงขีปนาวุธข้ามน่านฟ้าของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี พร้อมหาวิธีหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรจากนานาชาติ และถึงแม้รายงานฉบับล่าสุดนี้จะไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย แต่ก็อาจกระตุ้นให้ UNSC หรือชาติสมาชิก UN เรียกร้องให้ออกมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังได้ทำการโจมตีทางไซเบอร์ต่อบริษัทและสถาบัน 47 แห่ง โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ก่อเหตุนั้นรวมถึง Lazarus Group ซึ่งกวาดเอาสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีไปรวมมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายงานระบุว่า เงินส่วนหนึ่งที่ได้ไปนั้นกลายเป็นทุนสนับสนุนการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือด้วย
ภาพ: Kim Jae-Hwan / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:
