คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) จัดประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ (4 กุมภาพันธ์) เพื่อหารือกรณีที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องถึง 7 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (30 มกราคม)
การประชุมดังกล่าว ซึ่งเป็นการประชุมแบบปิด เกิดขึ้นภายหลังการเรียกร้องจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ และ 8 ชาติสมาชิก ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ บราซิล แอลเบเนีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร่วมลงนามในแถลงการณ์ภายหลังประชุม เรียกร้องให้ UNSC ประณามการทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งส่งผลกระทบบั่นทอนความมั่นคงในภูมิภาค
ลินดา โทมัส–กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลเปียงยางยุติการกระทำที่บั่นทอนความมั่นคงและกลับคืนสู่การเจรจา พร้อมทั้งชี้ถึงความล้มเหลวในการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมของ UNSC ซึ่งทำให้เกาหลีเหนือกล้าที่จะท้าทายประชาคมโลกต่อไป
“การยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) ของเกาหลีเหนือในวันที่ 30 มกราคม ถือเป็นการยกระดับที่สำคัญ ในการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงหลายฉบับของเกาหลีเหนือเมื่อเร็วๆ นี้ และเป็นการพยายามที่จะบั่นทอนความมั่นคงในภูมิภาคมากขึ้น เราขอประณามการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้อย่างรุนแรงที่สุด” กรีนฟิลด์กล่าวในแถลงการณ์ร่วม
สำหรับขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือทดสอบยิงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คือขีปนาวุธแบบทิ้งตัว พิสัยกลาง ‘ฮวาซอง-12’ ที่มีพิสัยการโจมตีไกลถึง 5,000 เมตร โดยสามารถยิงไปได้ไกลถึงเกาะกวม ที่เป็นดินแดนของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความกังวลต่อสหรัฐฯ และนานาชาติ
โดยที่ผ่านมาองค์การสหประชาชาติมีมติห้ามเปียงยางทำการทดสอบขีปนาวุธแบบทิ้งตัวและอาวุธนิวเคลียร์ทุกชนิด และได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สหรัฐฯ มองว่าการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือนั้นมีความจำเป็น สวนทางกับท่าทีของรัสเซียและจีนที่มองว่าควรผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ เพื่อบรรเทาสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้น
ภาพ: JOHN MINCHILLO / POOL / AFP
อ้างอิง:
