เจฟฟรีย์ ไซเอนต์ ผู้ประสานงานด้านโควิดของทำเนียบขาว เปิดเผยวานนี้ (20 กันยายน) ว่าสหรัฐฯ มีแผนผ่อนคลายข้อกำหนดการเดินทาง ด้วยการอนุญาตให้นักเดินทางชาวต่างชาติจากนานาประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสแล้ว และมีเอกสารยืนยันผลตรวจเชื้อเป็นลบ 3 วันก่อนเดินทาง สามารถเข้าประเทศได้
โดยข้อกำหนดใหม่ดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ แทนที่ข้อกำหนดเดิมที่ใช้มาตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิดเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะนั้น ห้ามการเข้าประเทศสำหรับนักเดินทางที่ไม่ใช่ชาวอเมริกัน และเคยพำนักอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยง ทั้งสหราชอาณาจักร หลายประเทศในยุโรป ตลอดจนจีน อินเดีย แอฟริกาใต้ อิหร่าน และบราซิล ในช่วง 14 วันล่าสุด
ขณะที่ไซเอนต์ชี้ว่า ข้อกำหนดใหม่นี้จะมุ่งเน้นการคัดกรองไปที่บุคคลมากกว่าประเทศ ซึ่งจะเป็นระบบที่แข็งแรงกว่า นอกจากนี้จะเพิ่มข้อกำหนดสำหรับพลเมืองอเมริกันที่กลับจากต่างประเทศแต่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ต้องตรวจเชื้อภายใน 1 วันก่อนเดินทาง และตรวจเชื้อหลังจากที่เดินทางถึงสหรัฐฯ ซึ่งผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว
การปรับข้อกำหนดดังกล่าวยังให้เวลาสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อม โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด หรือ CDC ของสหรัฐฯ ยังประกาศข้อกำหนดในการติดตามผู้สัมผัสเชื้อ กำหนดให้สายการบินต่างๆ ต้องเก็บข้อมูลการติดต่อ รวมถึงที่อยู่ อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ จากผู้โดยสารที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ และต้องเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้อย่างน้อย 30 วัน
ทั้งนี้ ไซเอนต์ชี้ว่าข้อกำหนดให้ฉีดวัคซีนครบโดสตามคำนิยามของ CDC นั้น ครอบคลุมเฉพาะวัคซีนที่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งปัจจุบันสหรัฐฯ ยังไม่อนุมัติใช้วัคซีนจาก AstraZeneca และ Sinovac ที่มีการใช้งานแพร่หลายในไทยและหลายประเทศ
การผ่อนคลายข้อกำหนดการเดินทางนี้ยังคาดว่าจะเป็นข่าวดีที่ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน โดยทางสหภาพยุโรปก็ออกมาแสดงความยินดีต่อท่าทีของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูรับนักเดินทางจาก EU ให้สามารถไปทำธุรกิจและพบปะครอบครัวและเพื่อนฝูงในสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง หลังจากที่รอคอยมานานกว่า 1 ปี
อย่างไรก็ตาม การปรับข้อกำหนดเปิดรับนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนเข้าสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้เฉพาะการเดินทางด้วยสายการบิน แต่ยังไม่รวมการข้ามพรมแดนทางบก ทั้งจากแคนาดาและเม็กซิโก
ขณะที่ท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ในครั้งนี้ สร้างความประหลาดใจให้หลายฝ่าย หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทำเนียบขาวแสดงท่าทีว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการยกเลิกข้อกำหนดการเดินทางที่เข้มงวด เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดในประเทศที่ยังรุนแรง โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละกว่า 140,000 คน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 1,000 ถึง 2,000 คน
ภาพ: Photo by Joe Raedle/Getty Images
อ้างอิง:
