สหรัฐฯ และจีนลดอุณหภูมิความขัดแย้งลง หลังผู้แทนเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่อำนวยต่อการนำข้อตกลงการค้าเฟส 1 ไปปฏิบัติ โดยก่อนหน้านี้หลายฝ่ายมีความวิตกว่า สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอาจปะทุขึ้นอีกครั้งจากชนวนความไม่พอใจที่สหรัฐฯ มองว่าจีนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ
หลิวเฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้หารือทางโทรศัพท์กับ โรเบิร์ต ไลต์ทิเซอร์ ผู้แทนการค้าระดับสูงของสหรัฐฯ และ สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 พฤษภาคม) โดยในภายหลังกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะรักษาช่องทางการติดต่อสื่อสารไว้ต่อไป
ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ยืนยันว่า จีนและสหรัฐฯ ต่างเห็นตรงกันว่าในช่วงที่ผ่านมามีความคืบหน้าที่ดีในการสร้างกลไกระดับรัฐบาล เพื่อติดตามและทำให้ข้อตกลงการค้าเฟส 1 ประสบผลสำเร็จ และแสดงความคาดหวังว่า พวกเขาจะทำตามข้อผูกมัดของข้อตกลงตามกรอบเวลาได้อย่างไม่มีปัญหา แม้ช่วงเวลานี้จะเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วโลกก็ตาม
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว จีนรับปากซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปี เทียบกับฐานปี 2017 โดยแบ่งเป็น 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีแรก และ 1.23 แสนล้านดอลลาร์ในปีหน้า
การหารือของทั้งสองฝ่ายมีขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนเกิดความตึงเครียดจากสงครามวิวาทะ หลังสหรัฐฯ โจมตีการรับมือวิกฤตโควิด-19 ของจีนว่าขาดความโปร่งใส จนทำให้ไวรัสลุกลามไปทั่วโลก
ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตำหนิจีนว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาชนในสหรัฐฯ เสียชีวิตเกือบ 80,000 ราย พร้อมขู่ว่า จะออกมาตรการลงโทษจีน ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าและย้ายซัพพลายเชนออกจากจีนด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: