หลังจาก ‘Uniqlo’ ออกมาเคลื่อนไหวส่งสัญญาณขึ้นค่าจ้างพนักงานสูงถึง 40% สร้างแรงกระเพื่อมให้ธุรกิจในญี่ปุ่นหันมาโฟกัสการยกระดับค่าจ้าง รักษาคนที่มีความสามารถไม่ให้ลาออก พร้อมเปิดรับพนักงานใหม่เข้าช่วยขยายธุรกิจ
Nikkei Asia รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ Fast Retailing ยักษ์แห่งวงการฟาสต์แฟชั่น เจ้าของแบรนด์ ‘Uniqlo’ ได้ประกาศเพิ่มค่าจ้างของพนักงานในญี่ปุ่นขึ้นสูงถึง 40% โดยการปรับขึ้นค่าจ้างดังกล่าวถือเป็นการปลุกให้ธุรกิจอื่นๆ ในญี่ปุ่นออกมาเคลื่อนไหวในด้านเดียวกัน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมให้เติบโตขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- บริษัทแม่ของ Uniqlo ประกาศเพิ่มค่าจ้างของพนักงานในญี่ปุ่นขึ้น 40% ทำให้ผู้จบใหม่จะมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 76,000 บาท
- ‘นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว’ เคล็ดวิชาไม่ลับที่ทำให้ Uniqlo กลายเป็นแฟชั่นแบรนด์ในหัวใจของชาวจีน
- ต้องรีบซื้อตุน? เหตุยุค ‘เงินเยน’ อ่อนค่าอาจจบแล้ว! หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ แผ่วกว่าคาด ดึงดอลลาร์อ่อน
เช่นเดียวกับ Hitachi และ Fujitsu ได้เปลี่ยนวิธีจ้างงาน หันมาให้ความสำคัญกับการรักษาทรัพยากรหรือพนักงานเก่าให้อยู่ในองค์กร พร้อมหาคนที่มีความสามารถระดับสูงเข้ามาช่วยขยายการดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ทาดาชิ ยานาอิ เจ้าของแบรนด์ Uniqlo กล่าวว่า ที่ผ่านมา Fast Retailing พยายามแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของรายได้พนักงานภายในกลุ่มบริษัท โดยส่วนใหญ่รายได้พนักงานยุโรปและอเมริกานั้นสูงขึ้นอย่างมาก จึงตัดสินใจยกระดับค่าจ้างในญี่ปุ่น เพื่อรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้
ทั้งนี้ ปัจจุบันพนักงานของ Fast Retailing ในญี่ปุ่นมีทั้งหมด 8,400 คน ซึ่งจะเริ่มปรับค่าจ้างในเดือนมีนาคม โดยเงินเดือนพนักงานใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 เยน (75,633 บาท) ต่อเดือน ส่วนผู้จัดการร้านอยู่ที่ 390,000 เยน (98,422 บาท) ต่อเดือน
สำหรับผลประกอบการของ Uniqlo มีสัดส่วนยอดขายเพียงครึ่งเดียวถ้าเทียบกับรายได้รวมของ Fast Retailing โดยยอดขาย Uniqlo ในประเทศอื่นๆ ได้แซงหน้าสาขาญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงต้องพยายามเพิ่มน้ำหนักด้านเทคโนโลยี และหาบุคลากรในต่างประเทศเข้ามาเสริมทัพในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปี Uniqlo ได้ปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะแบรนด์ได้เพิ่มมูลค่าของสินค้าผ่านการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ
อ้างอิง: