แม้จะกลับมาเปิดร้านส่วนใหญ่ได้อีกครั้งหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มดีขึ้น ทว่าเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงตลอดจนกำลังซื้อที่เปราะบางของผู้บริโภคได้ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ที่แย่กว่าที่คาด ทำให้ Fast Retailing ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Uniqlo ตัดสินใจปรับลดประเมินรายได้และกำไรประจำปีงบประมาณนี้อีกครั้ง
ยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ในธุรกิจฟาสต์แฟชั่นของโลก โดยรองจาก Inditex ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Zara และ H&M ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปีงบการเงินที่สิ้นสุดในเดือนสิงหาคม ปี 2020 เป็น 8.5 หมื่นล้านเยน หรือราว 2.5 หมื่นล้านบาท ลดลง 47.7% จาก 1.625 แสนล้านเยน หรือ 4.77 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำได้ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะเดียวกันตัวเลขดังกล่าวได้ลดลงมากกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดว่าจะลดลงประมาณ 44% ด้วยกัน
นอกจากนี้ได้ประเมินรายได้จะลดลง 13% สู่ระดับ 1.99 ล้านล้านเยน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นการทำลายสถิติเดิมที่ทำยอดขายเติบโตติดกันถึง 16 ปี
“เราเห็นการลดลงอย่างมากทั้งรายได้และกำไรทั่วทั้งธุรกิจ” ทาเคชิ โอคาซากิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Uniqlo กล่าวกับบรรดานักข่าว
สาเหตุที่ต้องปรับลดการคาดการณ์กำไรสุทธิและรายได้ใหม่อีกครั้งเป็นเพราะธุรกิจในประเทศอื่นๆ ยังไม่มีทีท่าจะฟื้นตัว อันเป็นผลจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะเกาหลีใต้ อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอเชียเนีย คาดว่าธุรกิจของ Uniqlo จะลดลงมากถึง 40% ในไตรมาสที่ 4 นี้
ส่วนสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย กลับเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะคาดว่ายอดขายจะลดลงมากถึง 50% เช่นเดียวกับยุโรปและสหรัฐฯ คาดว่าธุรกิจจะลดลงมากถึง 50% ซึ่งสำหรับในสหรัฐฯ แล้ว Uniqlo ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้ต้องการถอนตัวออกจากแดนลุงแซม หลังจากก่อนหน้านี้มีการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร ปัจจุบันในสหรัฐฯ Uniqlo มีร้านอยู่ทั้งสิ้น 51 สาขา จากทั้งหมด 2,260 สาขาทั่วโลก
ขณะเดียวกัน Uniqlo ยังพอใจชื้นอยู่บ้าง เพราะยอดขายในญี่ปุ่นและจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด โดยในบ้านเกิดนั้น ยอดขายในสาขาเดิมซึ่งรวมถึงยอดขายจากช่องทางออนไลน์ได้เพิ่มขึ้น 26% โดยได้รับแรงหนุนจากเสื้อผ้าในฤดูร้อน ก่อนหน้านี้ยอดขายในเดือนเมษายนของ Uniqlo ลดลงมากถึง 57% ส่วนในเดือนพฤษภาคมลดลง 18% ด้วยกัน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: