ในขณะที่ ‘สงครามภาษี’ กำลังลุกโชนระหว่างมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของยักษ์ใหญ่วงการเสื้อผ้า UNIQLO ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เขาเรียกมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump ว่าเป็นการกระทำที่ ‘ไร้เหตุผล’ และทำนายอย่างมั่นใจว่านโยบายภาษีเหล่านี้ ‘จะไม่อยู่ยาวนาน’ เพราะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ในระบบเศรษฐกิจโลก
ถ้อยคำเหล่านี้มาพร้อมกับการที่บริษัทต้องปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในครึ่งหลังของปีงบประมาณเนื่องจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
“ระบบภาษีที่เห็นแก่ประเทศตัวเองเพียงอย่างเดียวเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” Yanai กล่าวอย่างเด็ดขาดในงานแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มันจะนำไปสู่การที่สหรัฐฯ ถูกโดดเดี่ยวในเวทีโลก”
แม้ว่าตลาดอเมริกาเหนือจะมีส่วนแบ่งเพียงกว่า 10% ของยอดขาย UNIQLO ในต่างประเทศในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2024 ของบริษัทแม่ Fast Retailing แต่ผลกระทบจากนโยบายภาษีใหม่ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้อย่างง่ายดาย
สถานการณ์ยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุด Trump ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ภาษีระลอกที่สองออกไปอีก 90 วัน แต่ภาษีนำเข้า 10% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่เข้าสหรัฐฯ ยังคงบังคับใช้อยู่อย่างเข้มงวด การตัดสินใจอันฉับพลันนี้ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก
เบื้องหลังม่านธุรกิจอันยิ่งใหญ่ Fast Retailing ซื้อสินค้าจากโรงงานเสื้อผ้าถึง 488 แห่งทั่วโลก หากจำแนกตามประเทศ 74 แห่งอยู่ในเวียดนาม 34 แห่งในบังกลาเทศ และ 30 แห่งในกัมพูชา ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาษีเพิ่มเติมในระยะที่สองของ Trump หากมีการบังคับใช้
“หากโลกยังคงทำสงครามภาษีต่อไป มันจะเป็นหายนะสำหรับประเทศกำลังพัฒนา” Yanai กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ด้วยความระมัดระวังและการวางแผนอย่างรอบคอบ บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์กำไรธุรกิจในครึ่งหลังลง 1 หมื่นล้านเยน เพื่อ ‘สะท้อนผลกระทบที่คาดการณ์จากภาษี’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทยังเสริมอีกว่า มุมมองนี้เป็นเพียง ‘การประเมินแบบชั่วคราวและระมัดระวัง’ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางเมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอนยังพอมีความหวังอยู่บ้าง เพราะแม้จะมีการปรับลดคาดการณ์ในครึ่งหลัง Fast Retailing ก็ยังสามารถปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสำหรับทั้งปีได้ เนื่องจากผลประกอบการครึ่งแรกที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ’ ในตลาดสำคัญอย่างญี่ปุ่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป ที่สามารถช่วยพยุงธุรกิจได้เป็นอย่างดี
ในช่วงหกเดือนสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ กำไรสุทธิของ Fast Retailing พุ่งสูงขึ้นถึง 19.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 2.33 พันล้านเยน ยอดขายในต่างประเทศของ UNIQLO เติบโต 14.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน และยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 11.6% แสดงให้เห็นถึงสถานะทางธุรกิจที่มั่นคงแม้จะเผชิญกับความท้าทาย
ด้วยความมั่นใจในศักยภาพของบริษัท Yanai ยืนยันว่า Fast Retailing สามารถรับมือกับผลกระทบจากภาษีได้ไม่ว่าภาษีจะยังคงอยู่ต่อไปหรือไม่ “เราสามารถเปลี่ยนสถานที่ผลิตได้ตามใจชอบ” เขากล่าว
Yanai ยังได้มองไปข้างหน้าและชี้ให้เห็นว่า การผลิตเสื้อผ้าจะไม่มีวันกลับไปที่สหรัฐฯ อีกต่อไป เนื่องจากประเทศนี้ได้กลายเป็นเศรษฐกิจที่เน้นด้านการเงินและข้อมูลเป็นหลักไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการย้ายการผลิตจากจีนไปยังภูมิภาคที่มีต้นทุนต่ำกว่าจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะในโลกปัจจุบัน “เศรษฐกิจ การเงิน และข้อมูลไม่มีพรมแดน”
Fast Retailing จัดหาเสื้อผ้าประเภทต่างๆ จากโรงงาน 380 แห่งทั่วโลก โดยจีนยังคงครองส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดถึง 206 แห่ง ตามมาด้วยเวียดนาม บังกลาเทศ และกัมพูชา แต่ Yanai ส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะมีการกระจายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีนเพิ่มเติมในอนาคต
เขาอธิบายว่ารูปแบบ ‘จีนบวกหนึ่ง’ ซึ่งบริษัทกระจายการผลิตออกจากจีนไปยังเพียงประเทศเดียว กำลังถูกแทนที่ด้วยยุคใหม่ที่ธุรกิจจะกระจายความเสี่ยงโดยพึ่งพาหลายประเทศในการผลิตสินค้าที่มีต้นทุนต่ำกว่า
ในโลกที่พรมแดนทางการค้าถูกท้าทายด้วยนโยบายกีดกันและภาษี มันคือความสามารถในการปรับตัวที่จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความอยู่รอด และดูเหมือนว่า Yanai กับ UNIQLO ได้ถือกุญแจดอกนั้นไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว
ภาพ: Tooykrub / Shutterstock
อ้างอิง: