ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ เผยไทยมี ‘เงินไหลเข้าที่ไม่รู้ที่มา’ เพิ่มขึ้นผิดปกติ เฉลี่ยไตรมาสละ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือเกือบ 1 แสนล้านบาท) ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมโยนโจทย์เป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติในการสืบหาคำตอบ ย้ำ ‘เงินบาทแข็ง’ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อไทยที่ต่ำต่อเนื่อง และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงของไทย
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ไทยมีเงินไหลเข้ามาที่อธิบายไม่ได้ (Errors and Omissions) พุ่งขึ้นผิดปกติ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยไตรมาสละ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 9.5 หมื่นล้านบาท (ตามอัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 18 กันยายน 2568)
ความคลาดเคลื่อนสุทธิ (Net Errors and Omissions) คืออะไร
โดยดร.ศุภวุฒิได้อธิบาย Errors and Omissions ว่า เมื่อนำดุลการชำระเงิน (Balance of Payment) มากาง ก็จะเห็นการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจว่ามีการนำเข้าเท่าไหร่ มีการส่งออกเท่าไหร่ มีเงินไหลเข้าเท่าไหร่ มีเงินไหลออกเท่าไหร่ โดยหากพบว่า บรรทัดสุดท้าย (Bottom Line) ที่บวกลบกันทั้งหมดไม่ตรงกับบรรทัดสุดท้ายที่มีเงินไหลเข้าออกจริง ส่วนที่ไม่ตรงกันนี้เรียกว่า ‘Errors and Omissions’ กล่าวคือ “การจัดเก็บข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ครบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ”
มองเป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติในการสืบหาคำตอบ
ท่ามกลางการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินบาท โดยแข็งค่าราว 7% ตั้งแต่ต้นปี ดร.ศุภวุฒิ ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH โดยระบุว่า Error and Omission นี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บาทแข็งเท่านั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ การไม่รู้เลยว่า เงินที่ไหลเข้าเหล่านั้นเข้ามาทำไม แต่หน่วยงานที่จะรู้หรือหน่วยงานที่จะพยายามสืบที่สุดก็ต้องเป็น ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ (ธปท.) หลังจากมีกระแสการพูดถึงและสงสัยว่า จะเกิดกรณีการแอบฟอกเงินเอาเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานผู้ว่าการพบสื่อมวลชน (Meet the Press) เกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนสุทธิ (Net errors and omissions) นี้โดยระบุว่า ธปท. ไม่สามารถตอบได้ว่าเกี่ยวโยงกับธุรกิจสีเทาหรือไม่ แต่ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลและธปท. ให้ความสำคัญ
“ตัวส่วนต่างของ Net Error & Omission เป็นสิ่งที่เราเจอทุกปี แต่ปีนี้มีเยอะ กล่าวคือผลโดยรวมจากตัวเลขดุลการชำระเงิน ยังเป็นตัวเลขจริงและวัดได้ ส่วนตัวเลข Error & Omission เป็นส่วนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ดูไม่ออก ซึ่งอาจมาจากหลายทางเช่น ทั้งคริปโทฯ การส่งออก นำเข้า ซึ่งหากตัวเลขนี้มีความชัดเจนขึ้นจึงจะระบุได้ว่า มาจากสิ่งที่หลายฝ่ายกังวลหรือไม่” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว
เปิดตัวเลข Net Errors and Omissions ย้อนหลังจากแบงก์ชาติ
- Q1/2568: 80,909.45 ล้านบาท (2,343.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- Q4/2567:150,994.37 ล้านบาท (4,482.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- Q3/2567:149,166.54 ล้านบาท (4,316.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- Q2/2567:120,315.69 ล้านบาท (3,271.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- Q1/2567 :110,378.89 ล้านบาท (3,132.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- Q4/2566: 78,459.99 ล้านบาท (2,217.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ดร.ศุภวุฒิ เปิดสาเหตุดัน ‘บาทแข็ง’ มองมาจากปัจจัยพื้นฐาน
ดร.ศุภวุฒิ กล่าวอีกว่า Errors and Omissions เป็นเพียงหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้บาทแข็งเท่านั้น แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลมาจาก ‘ปัจจัยพื้นฐาน’ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อไทยที่ต่ำต่อเนื่อง และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงของไทย
ดร.ศุภวุฒิ อธิบายต่อว่า เงินเฟ้อไทยที่ต่ำกว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ มานานหลาย 10 ปี ซึ่งเงินเฟ้อหมายถึง การเสื่อมค่าของเงิน โดยตั้งแต่ปี 2015 เงินเฟ้อไทยเฉลี่ย 1.1% ต่อปี ขณะที่ เงินเฟ้อสหรัฐฯ เฉลี่ย 2.85% ต่อปี “หมายความว่า เมื่อประเทศไทยเงินเสื่อมค่าปีละ 1.1% ซึ่งเฉลี่ย 10 ปี ก็เป็นอย่างนั้น แต่สหรัฐฯ เงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 2.85% เงินบาทจึงแข็งค่าขึ้นปีละ 1.75% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็แข็งค่าขึ้นประมาณนั้นจริงๆ”
นอกจากนี้ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยต่อเนื่อง 3 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยเดือนละกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หมายความว่า มีเงินตราต่างประเทศเข้ามาจากการที่ไทยขายสินค้าและบริการมากกว่านำเข้าสินค้าและบริการ โดยครึ่งแรกของปีนี้ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างมากจากภาวะเร่งส่งออก ท่ามกลางนโยบายภาษีศุลกากรสหรัฐฯ นอกจากนี้ “การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดยัง สะท้อนว่า ตลาดในประเทศอ่อนแอ คนต้องขายของไปต่างประเทศเยอะๆ พอขายของต่างประเทศเงินก็เข้าอย่างเดียว”
ดร.ศุภวุฒิยังกล่าวว่า ในการดูแลค่าเงินบาท แบงก์ชาติปัจจุบันแทรกแซงแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบอะลุ่มอล่วย คือถ้าบาทแข็งก็ชะลออย่าให้มันแข็งมาก แล้วทำเป็นนิสัยมา 10 ปี จนกระทั่งตลาดรู้แกวแล้ว ที่ผ่านมา เลยกลายเป็นว่า ทุนสำรองเพิ่มขึ้นตลอด เพราะการแข็งค่าของบาท แต่ธปท.ไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐานที่ทำให้ เงินเฟ้อไทยต่ำผิดปกติ
“แล้วทำไปทำไม ทุนสำรองนี้ได้มาเยอะแยะ ดันเอาไปนั่งเฉยๆ ไม่ใช้ด้วย ประชาชนคนไทยได้ ใครได้อะไรจาก จากทุนสำรอง ไม่มีครับ” ดร.ศุภวุฒิกล่าว