วันนี้ (19 พฤศจิกายน) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีโคราช เข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยเตรียมส่งใบสมัครต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2562
สำหรับอุทยานธรณีโคราช ที่จะเสนอต่อองค์กรยูเนสโก ปัจจุบันมีเนื้อที่ประมาณ 3,167 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนครราชสีมา, เฉลิมพระเกียรติ, ขามทะเลสอ, สูงเนิน และสีคิ้ว ซึ่งมีความเหมาะสมในการเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
เนื่องจากอุทยานธรณีโคราชมีแหล่งธรณีวิทยา แหล่งธรรมชาติ และแหล่งวัฒนธรรม รวม 35 แหล่ง โดยเฉพาะแหล่งธรณีวิทยาที่มีคุณค่าระดับนานาชาติ มีจำนวน 4 แห่ง คือ แหล่งอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินไพลสโตซีนตอนต้นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความหลากหลายของชนิดและสีสัน เป็นแหล่งไดโนเสาร์อิกัวโนดอนต์พันธุ์ใหม่ของโลก 3 สกุล และ 3 ชนิด รวมทั้งเต่าและจระเข้พันธุ์ใหม่ 1 สกุล 2 ชนิด เป็นแหล่งฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์มากที่สุดในโลก พบถึง 10 สกุล จาก 55 สกุล ที่พบทั่วโลก และเป็นแหล่งฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอายุ 2 แสนปี พบ 15 ชนิด ซึ่งมีความหลากหลายชนิดที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้การเป็นอุทยานธรณีของยูเนสโกต้องเป็นพื้นที่ที่ประกอบด้วยแหล่งที่มีคุณค่าด้านธรณีวิทยา โบราณคดี นิเวศวิทยา และวัฒนธรรม มีการจัดการแบบองค์รวมระหว่างการอนุรักษ์ การให้ความรู้ และการวิจัยพัฒนาอย่างยั่งยืน ปัจจุบันอุทยานธรณีของยูเนสโกทั่วโลกมี 147 แห่ง ใน 41 ประเทศ และไทย 1 แห่ง คือ อุทยานธรณีสตูล ซึ่งได้รับรองการเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561
ทั้งนี้ ประโยชน์ของการเป็นสมาชิกของอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก จะทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในด้านแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญมากขึ้น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว นำรายได้เข้าสู่ประเทศ สร้างงานและกระจายรายได้ให้ประชาชนในท้องถิ่น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล