วันนี้ (11 กรกฎาคม) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ วัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน ร่วมกันประชุมพิจารณาสรุปความเห็นทางคดี กรณีที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร (สภ.) อรัญประเทศ บังคับทรมานให้ ลุงเปี๊ยก-ปัญญา คงแสนคำ รับสารภาพในคดีที่ป้าบัวผันถูกกลุ่มเยาวชนรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งลุงเปี๊ยกถูกตำรวจดำเนินคดีอาญาโดยมิชอบตามกฎหมาย
วัชรินทร์เปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะส่งสำนวนคดีให้องค์คณะอัยการที่อัยการสูงสุดแต่งตั้งมาแต่แรกพิจารณากลั่นกรอง เพื่อจะส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการ สำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค 2 พิจารณาสั่งฟ้องต่อไป โดยมีความเห็นว่าตำรวจทั้ง 8 นายที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย พ.ศ. 2565
พฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น เนื่องจากชุดจับกุมได้มีการนำตัวลุงเปี๊ยกมาโดยไม่ได้แจ้งการจับกุมให้กับพนักงานอัยการจังหวัดสระแก้วและฝ่ายปกครองในพื้นที่ตั้งแต่แรก อ้างว่าเป็นการเชิญตัวมาให้ข้อมูล แต่หลักฐานจากภาพวงจรปิดและการนำเสนอข่าวของสื่อขัดแย้งกับคำให้การของผู้ต้องหา เพราะมีการใส่กุญแจมือลุงเปี๊ยก
วัชรินทร์กล่าวต่อว่า พฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย มาตรา 6 คือ มีการใช้ถุงดำคลุมหัวและเปิดแอร์ให้ทรมาน หนาว เพื่อให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพของลุงเปี๊ยก และมาตรา 7 การจับกุมจะต้องส่งให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน แต่กรณีนี้ไม่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยส่งให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้สอบสวน แต่กลับนำตัวไปที่ห้องสืบสวน ซึ่งผิดหลักขั้นตอน
สำหรับในคดี พ.ร.บ.อุ้มหาย ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดนั้น พนักงานสอบสวนไม่ต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ชี้มูลความผิดแต่อย่างใด เพียงแค่แจ้งให้ ป.ป.ช. ทราบเท่านั้นตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย มาตรา 31
วัชรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาทั้ง 8 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยมีข้อกล่าวอ้างที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งเป็นแนวทางการต่อสู้ของผู้ต้องหา โดยยืนยันว่าการสอบสวนเป็นไปด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรม เพราะเปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้ต้องหายื่นหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อชี้แจง ซึ่งทางคณะได้มีการรวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด โดยมีพยานบุคคลกว่า 40 ปาก และพยานวัตถุอีกหลายอย่าง
อีกทั้งจากการสอบปากคำลุงเปี๊ยก ซึ่งล่าสุดพบว่าลุงเปี๊ยกมีสติสัมปชัญญะปกติ สามารถให้การได้ จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ มีสภาพร่างกายที่ดี มีสภาพจิตใจที่ดี ทางแพทย์ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีอาการติดสุราแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่องค์คณะเห็นชอบกับสำนวนการสอบสวนดังกล่าวแล้ว ก็จะส่งสำนวนให้กับสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในปลายเดือนกรกฎาคมนี้
สำหรับตำรวจ สภ.อรัญประเทศ 8 นาย ประกอบด้วย
- พ.ต.อ. พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา
- พ.ต.ท. พิชิต วัฒโน
- พ.ต.ท. นิติธร พิมพ์คำ
- ร.ต.อ. พงศภัค พลแสน
- ร.ต.อ. พชร บุญอินราทากูร
- ด.ต. ภิเศก พวงมาลีประดับ
- จ.ส.ต. ทวีศักดิ์ พูนสะสมทรัพย์
- ส.ต.อ. ชัยศิริ สุรโฆษิต
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีลุงเปี๊ยกเป็นคดีพิเศษที่ 9/2567 เนื่องจากเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ในมาตรา 31 และได้ร่วมสอบสวนกับอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการปกครอง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส