อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) เตือนผลกระทบเลวร้ายที่จะเกิดกับทั่วโลกหากรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเต็มรูปแบบ ขณะที่สหรัฐฯ ชี้ การทำสงครามบุกยูเครนอาจก่อให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยรอบใหม่และมีประชาชนต้องพลัดถิ่นกว่า 5 ล้านคน
ท่าทีของกูเตอร์เรสมีขึ้นในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติประจำปีที่นครนิวยอร์กเมื่อวานนี้ (23 กุมภาพันธ์) ซึ่งมีการหารือเรื่อง ‘ดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครองชั่วคราว’ โดยเป็นวาระการประชุมที่มีกำหนดจัดขึ้นทุกปี นับตั้งแต่ที่รัสเซียผนวกรวมแคว้นไครเมียของยูเครนเข้าเป็นดินแดนของตนในปี 2014
กูเตอร์เรสกล่าวต่อที่ประชุมโดยเตือนถึงวิกฤตการณ์และความยากลำบากที่จะเกิดขึ้นกับทั่วโลกหากความขัดแย้งขยายวง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจและใช้เหตุผลเพื่อลดระดับความขัดแย้ง
“โลกของเรากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่อันตราย หากความขัดแย้งในยูเครนขยายวง โลกอาจได้เห็นความขาดแคลนในขอบเขตและความรุนแรงที่ไม่เคยเห็นมาหลายปี นี่คือช่วงเวลาแห่งความยับยั้งชั่งใจ ใช้เหตุผลและลดความขัดแย้ง” กูเตอร์เรสกล่าวพร้อมย้ำว่า ไม่มีที่ว่างสำหรับการกระทำหรือแถลงการณ์ที่จะ “นำพาสถานการณ์ที่อันตรายนี้ไปสู่ขุมนรก”
ด้าน ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำ UN กล่าวว่า การทำสงครามบุกยูเครนของรัสเซียอาจก่อให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหม่และมีประชาชนต้องพลัดถิ่นอีกราว 5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากกว่า 3 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว เนื่องจากความขัดแย้งและความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน
“หากรัสเซียยังคงเดินหน้าในเส้นทางนี้ตามที่เราคาดการณ์ มันอาจสร้างวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิกฤตครั้งที่ใหญ่ที่สุดที่โลกเคยเผชิญในปัจจุบัน” เธอกล่าวพร้อมทั้งเตือนว่า ยูเครนนั้นเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกข้าวสาลีให้แก่ประเทศกำลังพัฒนารายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งการทำสงครามของรัสเซียอาจส่งผลให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นและนำไปสู่ภาวะอดอยากที่รุนแรงขึ้น ทั้งในลิเบีย เยเมน และเลบานอน
“คลื่นยักษ์แห่งความทุกข์ทรมานจากสงครามครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจคิดได้”
ขณะที่ ดิมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน ได้กล่าวต่อที่ประชุม UN เตือนว่าการเริ่มต้นของสงครามขนาดใหญ่ในยูเครนจะเป็นจุดจบในการรักษาความสงบเรียบร้อยของโลก พร้อมทั้งเรียกร้อง UN ให้ดำเนินการตอบโต้ เพื่อให้รัสเซียรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘การโจมตีหลักการสำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ’
“หากรัสเซียไม่ได้รับการตอบโต้ที่รุนแรง รวดเร็ว และเด็ดขาดในตอนนี้ นี่จะหมายถึงการล้มละลายโดยสิ้นเชิงของระบบความมั่นคงระหว่างประเทศและสถาบันระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายให้รักษาความสงบเรียบร้อยทั่วโลก นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าสยดสยอง ซึ่งจะทำให้เราย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงเวลามืดมนที่สุดของศตวรรษที่ 20” เขากล่าว
ภาพ: Photo by TIMOTHY A. CLARY / AFP
อ้างอิง: