รายงานวิจัยล่าสุดโดยองค์การสหประชาชาติที่ได้เผยแพร่วันนี้ (12 มิถุนายน) ชี้ว่า ภาพรวมในประเด็นด้านอคติทางเพศแทบจะยังไม่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงให้อยู่ในจุดที่น่าพอใจมากนักในช่วงตลอดทศวรรษที่ผ่านมานี้
โดยการเลือกปฏิบัติอย่างอคติและแรงกดดันทางด้านวัฒนธรรมยังคงขัดขวางการส่งเสริมอำนาจและความเสมอภาคให้แก่ผู้หญิง ซึ่งอาจทำให้ประชาคมโลกไม่สามารถบรรลุเป้าหมายความเสมอภาคทางเพศของสหประชาชาติได้ภายในปี 2030
แม้ที่ผ่านมากลุ่มสิทธิมนุษยชน กลุ่มสิทธิสตรี และขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมต่างๆ อย่าง Time’s Up และ MeToo จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลากหลายสังคม โดยเฉพาะในสังคมสหรัฐอเมริกา แต่บรรทัดฐานทางสังคมที่มีอคติและวิกฤตการพัฒนามนุษย์ที่ขยายวงกว้างขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในช่วงหลายปีมานี้ ทำให้ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยสูญเสียรายได้และโอกาสต่างๆ มากมาย ทั้งยังทำให้ความคืบหน้าเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศหยุดชะงักลงอีกด้วย
รายงานฉบับนี้ติดตามประเด็นนี้ผ่านดัชนีบรรทัดฐานทางสังคมว่าด้วยเรื่องเพศ ซึ่งใช้ข้อมูลจากโครงการ World Values Survey (WVS) ที่สำรวจและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับอคติทางเพศในช่วงปี 2010-2014 และ 2017-2022 จากประเทศและดินแดนต่างๆ ที่ครอบคลุม 85% ของประชากรทั่วโลก
งานวิเคราะห์ฉบับล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เกือบ 9 ใน 10 ของผู้ชายและผู้หญิงมีอคติพื้นฐานต่อผู้หญิง และอคติดังกล่าวนั้นแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ทางด้าน เฮริเบอร์โต ตาเปีย ที่ปรึกษาด้านการวิจัยและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของ UNDP และผู้ร่วมเขียนรายงานฉบับดังกล่าวนี้ ระบุว่า ระดับของการปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับอคติทางเพศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง
ผลการสำรวจในรายงานยังระบุอีกด้วยว่า เกือบครึ่งหนึ่งของคนทั่วโลกคิดว่าผู้ชายสามารถเป็นผู้นำทางการเมืองได้ดีกว่าเพศอื่น ในขณะที่อีก 43% มองว่าผู้ชายก็สามารถเป็นผู้บริหารธุรกิจได้ดีกว่าเพศอื่นเช่นเดียวกัน
ขณะที่ อาโรอา ซานติเอโก ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศภาวะของ UNDP ชี้ว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนอคติทางเพศและบรรทัดฐานทางสังคม แต่เป้าหมายสูงสุดของเราคือการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย รวมถึงระหว่างผู้คนด้วยกันเองอีกด้วย
รายงานยังระบุอีกว่า แม้ว่าการศึกษามักจะถูกยกย่องว่าเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจสำหรับผู้หญิง แต่ผลสำรวจก็เผยให้เห็นถึงความย้อนแย้งที่สวนทางกันระหว่างช่องว่างทางการศึกษาและรายได้ โดยมีช่องว่างทางรายได้เฉลี่ยมากถึง 39% แม้แต่ใน 57 ประเทศที่ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ได้รับการศึกษามากกว่าผู้ชายก็ตาม
นอกจากนี้ UNDP ยังชี้ว่า การใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นอันตรายอย่างมากต่อสวัสดิภาพและการใช้ชีวิตของพวกเขาในสังคม โดยมากกว่า 1 ใน 4 คนเชื่อว่า การที่ผู้ชายทุบตีภรรยาของเขาถือเป็นสิ่งที่กระทำได้และเป็นเรื่องที่ชอบธรรม ทำให้ประเด็นด้านอคติทางเพศจึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ยังรอการปรับปรุงแก้ไขให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในทุกๆ สังคมทั่วโลกในขณะนี้
แฟ้มภาพ: Hyejin Kang / Shutterstock
อ้างอิง: