สงครามในฉนวนกาซาที่ล่วงเลยมากว่า 1 ปี ยังคงทวีความรุนแรงและคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วมากกว่า 45,000 คน โดยความหวังบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ยังไร้วี่แวว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแต่ละวัน
รายงานล่าสุดจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Office of the United Nations High Commissioner for Human Rights: OHCHR) เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตในสงครามกาซาส่วนใหญ่กว่า 70% คือ ‘ผู้หญิงและเด็ก’ ซึ่งบ่งชี้ถึงการละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเฉยเมยของอิสราเอลต่อการเสียชีวิตของพลเรือนในกาซา และผลกระทบจากแนวทางในการทำสงคราม
โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า “เนื้อหารายงานแสดงให้เห็นว่าพลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการไม่ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งก็คือหลักการของความแตกต่าง ความสมส่วน และความระมัดระวังในการโจมตี”
ก่อนหน้านี้องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เผยว่า มีรายงานการโจมตีโรงเรียนในกาซาอย่างน้อย 64 ครั้ง หรือเกือบวันละ 2 ครั้งเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 128 คน และส่วนใหญ่เป็นเด็ก
โดยตั้งแต่เริ่มเกิดสงครามพบว่ามีโรงเรียนในกาซามากกว่า 95% ถูกทำลาย ขณะที่สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมเลวร้ายลงทุกขณะ ความอดอยาก ภาวะทุพโภชนาการ และโรคภัยไข้เจ็บ กำลังนำมาซึ่งการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อ้างอิง:
