วานนี้ (17 มกราคม) อังเดร เยอร์มัค ผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครน ได้เปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตจากสงครามที่เกิดขึ้นในการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยกล่าวว่า มีพลเรือนชาวยูเครนเสียชีวิตมากกว่า 9,000 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็ก 453 คน
เยอร์มัคกล่าวว่า “ยูเครนเจอคดีอาชญากรรมมากถึง 80,000 คดี ซึ่งเกิดจากทหารของรัสเซีย…เราจะไม่ให้อภัยต่อการกระทำที่สร้างความทุกข์ทรมาน รวมถึงทุกชีวิตที่ถูกพรากไป อาชญากรแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบ”
ทั้งนี้ เขาได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งศาลพิเศษระหว่างประเทศเพื่อพิจารณาคดีกับรัสเซีย และให้ดำเนินการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น
ขณะที่เมื่อวันจันทร์ (16 มกราคม) องค์การสหประชาชาติ (UN) รายงานว่า มีพลเรือนมากกว่า 7,000 คนที่เสียชีวิตจากสงครามในยูเครน ส่วนสำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า สื่อไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของตัวเลขผู้เสียชีวิตจากทั้งสองแหล่งได้ แต่คาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตจริงนั้นมีแนวโน้มสูงกว่าตัวเลขที่รายงานออกมา
สำหรับการประชุม WEF ที่เมืองดาวอสในปีนี้ ประเด็นสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียถือเป็นหัวข้อสำคัญของการประชุม โดย โอเลนา เซเลนสกา สตรีหมายเลขหนึ่งของยูเครน เปิดเผยต่อผู้เข้าร่วมประชุมว่า บรรดาผู้ปกครองต่างร่ำไห้ขณะต้องมองดูแพทย์พยายามช่วยชีวิตลูกหลานของตัวเองเอาไว้
“เราต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์เหมือนเช่นในเชอร์โนบิลเกิดซ้ำรอยอีก” เซเลนสกากล่าว “เราทุกคนมีความเชื่อมั่นว่า ไม่มีปัญหาระดับโลกใดที่มนุษยชาติจะแก้ไขไม่ได้”
นอกจากนี้ สงครามที่เกิดขึ้นยังผลักดันให้ราคาอาหารและเชื้อเพลิงทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นด้วย เนื่องจากรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหารรายสำคัญ ทั้งข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ไปยังแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย โดยโครงการอาหารโลกของ UN รายงานว่า มีประชากร 345 ล้านคนใน 82 ประเทศที่กำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงด้านอาหารเฉียบพลัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเกิดสงครามเป็นเท่าตัว
ภาพ: Evgen Kotenko / Ukrinform / Future Publishing via Getty Images
อ้างอิง:
