ยูเครนกลายเป็นทีมสุดท้ายที่คว้าตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของการต่อเวลาพิเศษ เอาชนะสวีเดน 2-1 เข้ารอบไปพบกับอังกฤษ
ฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สนามแฮมป์เดนพาร์ก เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เป็นการเจอกันของ สวีเดน แชมป์กลุ่ม E พบกับ ยูเครน อันดับที่ 3 กลุ่ม C ที่สามารถเข้ามาถึงรอบน็อกเอาต์ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เกมในครึ่งแรก ยูเครนขึ้นนำก่อน เมื่อ อังเดรย์ ยาโมเลนโก พาบอลเข้ากรอบเขตโทษก่อนเปิดข้ามฟากให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก ยิงเต็มข้อผ่านมือ โรบิน โอลเซน เข้าไปให้ทีมของ อังเดรย์ เชฟเชนโก นำก่อน แต่ก่อนหมดครึ่งแรก เอมิล ฟอร์สเบิร์ก ก็มาส่องไกลจากนอกกรอบ แต่บอลแฉลบแนวรับยูเครน เปลี่ยนทางเข้าไปให้เกมกลับมาเสมอกัน 1-1 เมื่อจบ 45 นาทีแรก
แต่ในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมก็ยังเดินหน้าบุกใส่กันกันอย่างสนุกโดยไม่กลัวกัน แต่ก็ไม่ได้มีประตูเพิ่มแบบในครึ่งแรก หลายจังหวะบอลก็ไปชนเสาและคาน หรือไม่ก็ติดเซฟ ทำให้เมื่อจบ 45 นาทีในครึ่งหลังไม่มีประตูเพิ่ม และยังเสมอกันด้วยสกอร์ 1-1 ทำให้ต้องต่อเวลาออกไปอีกครึ่งละ 15 นาทีเพื่อหาผู้ชนะ
.
ในช่วงการต่อเวลานาทีที่ 98 ก็มีจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ มาร์คุส แดเนียลสัน ไปเข้าบอลหนักใส่ อาร์เต็ม เบเซดิน โดยเมื่อผู้ตัดสินดู VAR แล้วก็ตัดสินใจให้ใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้หลังจากนั้นเกมเป็นของยูเครน ก่อนที่ในนาที่ 120+1 โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก จะเปิดบอลให้ อาร์เต็ม โดบิก กองหน้าที่ลงมาเป็นตัวสำรอง โหม่งประตูชัยให้ยูเครนเอาชนะสวีเดน 2-1
ยูเครนทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลยูโรได้เป็นครั้งแรก โดยจะเข้ารอบไปพบกับทีมชาติอังกฤษ ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ต่อไป
MAN OF THE MATCH: โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก (ยูเครน)