‘อัศวินสีส้ม’ ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังหลังได้กลับมาเล่นในทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2014 ด้วยการเฉือนเอาชนะยูเครน 3-2 จากการโหม่งประตูชัยท้ายเกมของ เดนเซล ดุมฟรีส์ เก็บ 3 คะแนนเต็มได้สำเร็จ
เกมคู่ดึกของศึกยูโร 2020 ในวันที่ 3 ที่สนามโยฮัน ครัฟฟ์ สเตเดียม ในอัมสเตอร์ดัม เป็นเกมคู่ที่สองของกลุ่ม C โดยเนเธอร์แลนด์ได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองกว่า 16,000 คน และเจ้าบ้านก็เอาใจแฟนๆ ตั้งแต่ต้นเกมด้วยการเดินหน้าบุกเข้าใส่ แต่ทีมของ อังเดรย์ เชฟเชนโก ก็ไม่กลัวและหาทางโต้กลับอยู่ตลอด ทำให้เมื่อผ่าน 45 นาทีแรกก็ไม่มีใครทำอะไรฝั่งตรงข้ามได้
แต่ในครึ่งหลังกลับมีประตูถึง 5 ลูก โดยทางเนเธอร์แลนด์นำไปก่อน 2-0 จากลูกยิงเก็บตกที่ยิงใส่กรอบโล่งๆ ในนาที 52 ของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ตามด้วย วูท เวกฮอร์สต์ ได้ยิงจ่อๆ เข้าไปในนาทีที่ 59 ทว่ายูเครนก็มาเอาคืนทีเดียว 2 ประตู จากการปั่นโค้งนอกกรอบเขตโทษแบบสุดสวยของ อันเดรย์ ยาร์โมเลนโก นาที 75 และลูกโหม่งของ โรมัน ยาเล็มชุก นาที 79 เกมทำท่าจะจบด้วยผลเสมอ จนกระทั่งนาทีที่ 85 เดนเซล ดุมฟรีส์ มาโหม่งประตูชัยให้ทีมของแฟรงก์ เดอ บัวร์ เอาชนะในเกมนี้ไปได้ 3-2
เนเธอร์แลนด์ที่เกมนี้ครองบอลมากกว่าอย่างชัดเจนถึง 66% สามารถเก็บชัยชนะเกมแรกรอบ 7 ปี ในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ พร้อมเก็บ 3 คะแนนเต็มขึ้นไปเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม C โดยมี 3 คะแนนเท่ากับออสเตรีย แต่ประตูได้เสียตามหลังอยู่ 1 ประตู ส่วนยูเครนถึงยังไม่มีคะแนน แต่ก็รั้งอันดับที่ 3 เนื่องจากประตูได้เสียดีกว่านอร์ทมาซิโดเนียเช่นกัน
MAN OF THE MATCH: เดนเซล ดุมฟรีส์ (เนเธอร์แลนด์)