นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของสหราชอาณาจักร เผชิญมรสุมทางการเมืองอีกระลอก หลัง แอมเบอร์ รัดด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกาศลาออกจากตำแหน่ง สืบเนื่องจากปมโควตาการผลักดันผู้อพยพผิดกฎหมายออกนอกประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมาธิการของกระทรวงมหาดไทยสหราชอาณาจักรได้เรียกรัดด์มาสอบถามเกี่ยวกับโควตาการผลักดันผู้อพยพชาวแคริบเบียนรุ่นแรกที่มาตั้งรกรากในสหราชอาณาจักรหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือที่เรียกว่ากลุ่ม ‘Windrush Generation’ ซึ่งเธอตอบว่าไม่ทราบเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี คำพูดของเธอขัดแย้งกับบันทึกที่เธอเขียนไว้ก่อนหน้านี้ว่าโควตาการเนรเทศได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ซึ่งหมายความว่ารัดด์ก็รับทราบในเรื่องนี้ดีว่าทำเนียบรัฐบาลเคยกำหนดเป้าหมายขับไล่ผู้อพยพออกนอกประเทศ
ประเด็นดังกล่าวกำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วประเทศ หลังผู้อพยพบางส่วนที่เดินทางมาจากประเทศเครือจักรภพในช่วงทศวรรษ 1940-1970 ถูกประกาศให้เป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย ขณะที่พรรคฝ่ายค้านได้เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนนโยบายนี้ใหม่ พร้อมกับชดเชยและมอบสัญชาติให้กับพลเมืองกลุ่ม Windrush
รัดด์ระบุในหนังสือลาออกว่า เธอขอแสดงความรับผิดชอบจากกรณีที่กล่าวถึงเป้าหมายการเนรเทศผู้อพยพ และเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้สมาชิกรัฐสภาเกิดความเข้าใจผิด
สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยคนใหม่ต่อจากแอมเบอร์ รัดด์ จะมีการประกาศให้ทราบในช่วงเช้าวันจันทร์ (30 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น
ด้านนายกฯ เมย์ ได้อนุมัติการลาออกของรัดด์แล้ว โดยระบุว่าเธอเสียใจที่ต้องรับหนังสือลาออก แต่ก็เข้าใจถึงเหตุผลที่รัดด์ตัดสินใจเช่นนั้น
ก่อนหน้านี้ นายกฯ เมย์เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ทำลายเอกสารที่บันทึกข้อมูลการมาถึงของผู้อพยพชาวแคริบเบียนไปจนหมดแล้ว ซึ่งหมายความว่าผู้อพยพที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมถึงลูกหลานของพวกเขาอาจถูกเนรเทศเนื่องจากไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง นอกจากนี้เมย์ยังกล่าวขอโทษต่อผู้นำประเทศในแถบแคริบเบียน สืบเนื่องจากความกังวลที่เกิดขึ้นหลังรัฐบาลทำลายเอกสารดังกล่าว
อ้างอิง: