ราคาหุ้น บมจ. ยู ซิตี้ หรือ U ในช่วงการซื้อขายรอบเช้าวันนี้ (11 มีนาคม) ปรับตัวขึ้นอีก 15.91% โดยซื้อขายที่ระดับ 1.02 บาท ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวทิศทางบวกต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ (10 มีนาคม) ที่ราคาหุ้นปิดการซื้อขายที่ 0.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท หรือ 14.29% รวม 2 วัน ราคาหุ้น U ปรับขึ้นมาแล้วราว 32%
โดยก่อนหน้านี้ U รายงานผลการดำเนินการบริษัทประจำปี 2563 มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 6,610.75 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 1.3242 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 1,867.35 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.186 บาท
ปัจจัยหลักที่ขาดทุนมาจากการลดลงของ EBITDA รวมถึงส่วนแบ่งผลขาดทุนจากการร่วมค้าและค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น จากมาตรฐานการเงินเรื่องสัญญาเช่า (TFRS16)
ขณะที่รายได้รวมลดลง 46.1% จากปีก่อน เป็น 5,651 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากรายได้ธุรกิจโรงแรมลดลงผลกระทบโควิด-19 และการลดลงของรายได้ธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงานและรายได้อื่นๆ
U แจ้งว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 97,293.67 ล้านบาท จากทุนเดิม 35,918.66 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 133,212.32 ล้านบาท โดยออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน 28,998.31 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 3.20 บาท รวม 92,794.58 ล้านบาท และหุ้นสามัญ 1,405.96 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 3.20 บาท รวม 4,499.08 ล้านบาท
บริษัทจะจัดสรรหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) จำนวน 28,062.88 ล้านหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม และหรือหุ้นบุริมสิทธิเดิมต่อ 3 หุ้นบุริมสิทธ์เพิ่มทุนใหม่ ราคาขาย 0.70 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 1 มีนาคม 2564 และจัดสรรให้บุคคลในวงจำกัดตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 935,429,272 หุ้น โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564
ส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีกจำนวน 270.80 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการปรับสิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 3 (U-W3) และจำนวน 1,135.16 ล้านหุ้น ตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 4 (U-W4)
วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุน เพื่อนำไปใช้ชำระหนี้ของบริษัท รวมทั้งนำเงินที่ได้รับไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และนำไปลงทุนในโครงการทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
อีกทั้งเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาและอนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณตำบลโป่งตาลอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ 1. ที่ดินเปล่าของบริษัท เมืองทองแอสเซ็ทส์ เนื้อที่ 20 ไร่ (ที่ดิน MTA) 2. ที่ดินเปล่าของบริษัท ธนายง ฟู๊ด แอนด์ เบเวอเรจ เนื้อที่ 87 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา (ที่ดิน TFB) 3. ที่ดินเปล่าของบริษัท สยาม เพจจิ้ง แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำนวน 2 แปลง เนื้อที่รวมทั้งสิ้น 56 ไร่ 1 งาน 76 ตารางวา (ที่ดิน PKA) และ 4. ที่ดินเปล่าทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัท ปราณคีรี แอสเซ็ทส์ จำกัด (PKA) จำนวน 13 แปลง เนื้อที่รวมทั้งสิ้น 427 ไร่ 3 งาน 34 ตารางวา (ที่ดิน PKA)
ทั้งนี้ U จะจำหน่ายที่ดิน MTA ที่ดิน TFB และ ที่ดิน SPC ในราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าตารางวาละ 1,133.27 บาท ทั้งนี้สำหรับที่ดิน PKA บริษัทอาจพิจารณาจำหน่ายราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าตารางวาละ 1,770.74 บาท หรืออาจพิจารณาขายหุ้นใน PKA จำนวน 3.11 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และภาระหนี้เงินกู้ที่ PKA มีต่อบริษัท โดยบริษัท จะคำนวณราคาขายหุ้น PKA ตามราคาที่ดินที่ PKA ถืออยู่
สำหรับมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนของธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเพิ่มเติมในกรณีที่ PKA ขายที่ดินทั้งหมด หรือบริษัท จำหน่ายหุ้น PKA โดย PKA ยังคงถือที่ดินทั้งหมด จะไม่ต่ำกว่า 377.57 บาท
โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้ไปใช้ในการชำระหนี้ของบริษัท รวมทั้งนำเงินที่ได้รับไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และนำไปลงทุนในโครงการปัจจุบันและในอนาคต
การเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทรัพย์สินของบริษัท และคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนทางบัญชีจากธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน 4,302.14 ล้านบาท คณะกรรมการบริษัทจึงเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ในวันที่ 31 มีนาคม 2564
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินกิจการของบริษัท ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อใดและอย่างไร
ดังนั้นเพื่อช่วยให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงิน และทำให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนในการชำระหนี้ของบริษัท รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อไป อีกทั้งทรัพย์สินที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มีผลประกอบการขาดทุน หรือเป็นทรัพย์สินที่ต้องใช้เงินลงทุนในการปรับปรุงอีกเป็นจำนวนมากในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นการจำหน่ายทรัพย์สินออกไปจึงเป็นทางเลือกที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท
ทั้งนี้ U เป็นหนึ่งในบริษัทในกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS โดยดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า บริการ จำหน่าย และบริหารอย่างครบวงจร และ BTS ถือหุ้นในสัดส่วน 36.22%
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า